Mobile From Advance

16 January 2008

Smartphone, Pocket PC Phone อะไรเป็นอะไร

สมัยของคำว่า PDA กับ Pocket PC กำลังจะผ่านไปนะครับ ตอนนี้ก็กำลังเป็นสมัยของ Smartphone และ Pocket PC Phone


ก็เป็นคำถามที่พบบ่อยกันอีกครั้งครับ ว่า Smartphone, PDA Phone และ Pocket PC Phone นี่เขาต่างกันยังไง


เรื่องราวของ Smartphone, Pocket PC Phone มีที่มาจากสองฝ่ายนะครับ คือฝ่าย PDA, Pocket PC และฝ่ายโทรศัพท์ ดังนั้นก่อนอ่านบทความนี้ แนะนำว่าอ่านบทความ PDA กันก่อนนะครับ เป็น Prerequisite reading ก็แล้วกัน จะได้พอนึกออกครับ ว่าฝ่าย PDA, Pocket PC นั้นเขามีที่มาอย่างไร


แล้วเราก็มาต่อกันที่ฝ่ายโทรศัพท์เลยครับ สมัยแรกๆของโทรศัพท์มือถือนั้น เอาแค่ยกย้ายไปไหนต่อไหนได้ ต่อสายรับสายได้ ก็นับว่าบุญเหลือเกินแล้วครับ โทรศัพท์เคลื่อนที่สมัยแรก หรือที่เรียกว่า 1G นั้น มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แรกๆเลยนี่ประมาณว่าพอๆกับกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งเลย แล้วต่อมาก็ลดขนาดลงมาจนถึงประมาณกล่องนม UHT ซึ่งสมัยนั้นก็ลือกันแล้วครับ ว่าเล็กนักหนา


สมัยนั้นการเข้ารหัสสัญญาณโทรศัพท์ยังเป็นแบบ Analog นะครับ เอาเฉพาะที่ใช้ในบ้านเราก็มีระบบสำคัญๆอยู่สองระบบ สามความถี่ คือ






NMT470 MHz ซึ่งใช้เครื่องรับขนาดคิงไซส์ แต่มีข้อดีคือรัศมีการใช้งานไกลดี ออกนอกเมืองได้ไกลหน่อยครับ มีที่ใช้เยอะ





อีกอันหนึ่งเป็นสมัยถัดมา คือ NMT900 MHz อันนี้เครื่องรับเล็กลงมาเยอะครับ คือลงมาถึงขนาดนมกล่องอย่างที่ว่า พกพาง่ายขึ้นเยอะ แต่ตอนแรกๆยังมีใช้เฉพาะในเมืองใหญ่ๆ


อีกอันหนึ่งคือ AMPS800 MHz ครับ เป็นระบบร่วมสมัยกับ NMT900 แต่ใช้เทคโนโลยีต่างกัน ขนาดเครื่องรับก็ใกล้เคียงกันด้วยครับ


โทรศัพท์สมัย 1G เอาไว้ใช้งานพูดคุยกันล้วนๆ ไม่มีแม้กระทั่ง SMS


ต่อมาก็พัฒนาไปเป็นการเข้ารหัสแบบ Digital แทนครับ ตัวเครื่องรับมีขนาดเล็กลงมาก เล็กจนบางรุ่นชักจะกดปุ่มหรือมองจอลำบาก ความสามารถมีมากขึ้น มีบริการมากมายอย่างที่ใช้กันในสมัยนี้ เช่น SMS และเริ่มใช้งานสื่อสารข้อมูลได้แล้วนะครับ ในบ้านเรามีใช้กันตอนนั้นก็หนึ่งระบบ สองความถี่ครับ คือ





ระบบ GSM ความถี่ 900 MHz และ 1800 MHz ใช้การสื่อสารข้อมูลแบบ CSD (Circuit Switched Data) ความเร็วเพียง 9600 bps เท่านั้น


โทรศัพท์สมัยนี้เข้าสู่ยุคที่ 2 หรือที่เรียกกันว่า 2G ครับ การใช้งานส่วนใหญ่ยังเป็นการสนทนาด้วยเสียงเช่นเดิม


โทรศัพท์ยุค 2G มีศักยภาพในการพัฒนาอยู่มากนะครับ ต่อมาก็ได้มีบริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงกว่า CSD ขึ้นมา นั่นคือ GPRS (General Packet Radio Service นั่นเองครับ


GPRS ให้ความเร็วสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คือสามารถให้ความเร็วได้สูงถึง 150 kbps เทียบกับ 9.6 kbps ของ CSD (แต่ที่ใช้ๆกันอยู่ ได้สัก 40 kbps ก็ดีเลิศประเศริฐศรีแล้วครับ) ทำให้เริ่มมีบริการเสริมที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น MMS รวมทั้งการนำเอาโทรศัพท์มาเป็น MODEM สำหรับคอมพิวเตอร์


แรกๆบริการ GPRS ออกจะทำความกระอักกระอ่วนใจกับผู้ให้บริการพอสมควรครับ ว่าจะคิดค่าบริการอย่างไรดี และต่อมาได้ทดลองการคิดค่าบริการตามจำนวนข้อมูลที่รับและส่ง แทนที่จะเป็นคิดตามระยะเวลาที่ใช้งาน ทำให้ GPRS กลายเป็นบริการที่เหมาะกับการใช้งานที่มีข้อมูลไม่มากนัก แต่ใช้เวลานาน เช่นการอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ หรือการใช้ MSN Messenger


แต่ต่อมาเมื่อมีผู้ใช้มากขึ้น ผู้ให้บริการมีเครือข่ายที่พร้อมมากขึ้น การคิดค่าบริการก็มีความหลากหลายออกไปเช่นเดียวกับค่าโทรศัพท์


สมัยของ GPRS เรียกว่าเป็นสมัยที่โทรศัพท์ก้าวหน้าขึ้นกว่า 2G แต่ยังไม่ถึง 3G ครับ จึงเรียกกันว่า 2.5G
GPRS ได้พัฒนาต่อไปอีกเป็น EDGE (Enhanced Data rate for GSM Evolution) ซึ่งมีความเร็วสูงขึ้นอีก คือขึ้นไปถึง 384 kbps และเรียกว่าเป็นบริการสมัย 2.75G


คือจวนเจียนจะ 3G เต็มที


GSM เข้าสู่สมัยของ 3G เมื่อปีที่แล้วนี้เองครับ โดยมีบริการ UMTS (Universal Mobile Telecommunications System) ซึ่งจะให้ความเร็วสูงถึง 1920 kbps ครับ เร็วพอๆกับ Wireless LAN


แต่ในปี 2006 นี้ บ้านเรายังไม่มี UMTS ใช้


ความจริงระบบโทรศัพท์ Digital นอกจากค่าย GSM แล้ว ยังมีคู่แข่งสำคัญคือ CDMA ครับ นิยมใช้กันในอเมริกา แล้วญี่ปุ่นกับเกาหลีก็นำไปใช้และพัฒนาจนก้าวหน้ากว่า GSM มาก


ในตอนที่ GSM ยังมีแค่ GPRS นั้น ฟาก CDMA มีบริการ CDMA 2000 1xRTT แล้วครับ ซึ่งเป็นบริการในระดับ 2.75G (บางสำนักจัดให้ 1xRTT อยู่ในระดับ 3G แล้วด้วยครับ) ไปแล้ว และต่อมาไม่นานก็ก้าวเข้าสู่ความเร็วระดับ 3G เต็มตัวด้วยบริการ EV-DO
ในบ้านเรา มีผู้ให้บริการ EV-DO แล้วด้วยนะครับ คือ กสท. และ Hutch


อ่านมาตั้งนาน ยังไม่เห็นเข้าเรื่อง Smartphone เสียที เอาล่ะครับ มาถึงเรื่องที่เราจะคุยกันเสียที


ความที่ระบบโทรศัพท์มีความสามารถในการสื่อสารข้อมูลมากขึ้น ก็เริ่มมีบริการเสริมต่างๆออกมา ซึ่งใช้ความสามารถในการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง เช่นนำเอาโทรศัพท์มาเป็น MODEM ให้กับคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่เอาโทรศัพท์นี่แหละมาใช้งานอินเทอร์เน็ตเองโดยตรง


แน่นอนครับ โทรศัพท์ก็ต้องเก่งขึ้น จากเดิมที่ใช้รับสายต่อสาย ก็เริ่มมีอะไรๆที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่นถ่ายรูปได้ ถ่ายแล้วก็ส่งรูปทาง Email หรือ MMS ซึ่งแน่นอน ใช้บริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง หรือใช้ฟังเพลงได้ และใช้บริการซื้อเพลงออนไลน์ ซึ่งก็ผ่านบริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงอีกเช่นกัน


โทรศัพท์ตั้งแต่ยุค 2.5G มาจนถึง 3G นี่เก่งขึ้นมากครับ ทำให้เกิดโทรศัพท์แบบใหม่ขึ้น เรียกกันว่า Features phone


และก็มีผู้ผลิตบางราย ที่เริ่มเอาคอมพิวเตอร์ใส่เข้าไปในโทรศัพท์เพื่อเพิ่มความสามารถเข้าไปอีก โทรศัพท์แบบนี้มีความสามารถอย่าง Features phone และยังติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมได้ด้วย
โทรศัพท์ที่ติดตั้งโปรแกรมเพิ่มได้นี่แหละครับ ที่เราเรียกว่า Smartphone


แน่นอนครับ ความที่ Smartphone มีความเป็นคอมพิวเตอร์อยู่ในตัว ก็เลยมีระบบปฏิบัติการด้วย ระบบปฏิบัติการของ Smartphone เด่นๆก็คือ





Symbian อันนี้ค่าย Nokia เป็นผู้นำรายสำคัญครับ และเป็นเจ้าตลาด Smartphone มานานแล้วด้วย





Windows Mobile เจ้าเก่าครับ แต่ยังตาม Symbian อยู่หลายช่วงตัว


Linux รายนี้แม้จะมีชื่อเสียงในวงการคอมพิวเตอร์ แต่ยังใหม่มากในวงการโทรศัพท์


แต่ Linux จัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่น่าจับตามองครับ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ๆในตลาดเอเชียอย่างจีน กำลังพัฒนา Smartphone ในระบบนี้


ดังนั้น Smartphone ก็คือ โทรศัพท์ที่มีระบบปฏิบัติการแบบคอมพิวเตอร์ และติดตั้งโปรแกรมเพิ่มได้นั่นเองครับ


ในกลุ่มของ Smartphone เอง ก็ยังมีลักษณะปลีกย่อยที่สำคัญอีกครับ เพราะทางฟากของ PDA นั้น มีความสามารถในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอันหนึ่งคือ Contacts หรือสมุดโทรศัพท์ ซึ่งในสมัยที่เรายังใช้โทรศัพท์บ้านกันเป็นหลักนั้น การใช้งาน PDA กับสมุดโทรศัพท์ก็ยังพื้นๆ เหมือนกับการใช้สมุดโทรศัพท์ครับ คือเปิด PDA หาชื่อคนที่เราจดไว้ ดูเบอร์เขาเสร็จก็ยกหูโทรศัพท์แล้วกดเบอร์


หรือหากเป็น Pocket PC ก็จะมีโปรแกรมบางตัวที่ช่วยส่งเสียง DTMF ต่อสายให้เรา


แต่มาสมัยที่เราใช้โทรศัพท์มือถือกัน การจะเอา PDA มาจดเบอร์ พอจะโทรหาใครก็เปิด PDA แล้วจำเบอร์มาจิ้มๆโทรศัพท์มือถือนั้น ไม่สะดวกครับ สู้จดเบอร์ไว้ในโทรศัพท์โดยตรงเลยไม่ได้ สะดวกกว่าเยอะ


การใช้ PDA จดเบอร์โทรศัพท์ก็เลยลดความสำคัญลงไป และทำให้บางคนเลิกใช้ PDA เพราะหมดความจำเป็น ส่วนที่ยังใช้อยู่ ก็เพราะใช้งานโปรแกรมช่วยงานในด้านอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการต่อโทรศัพท์


ต่อมาก็มีผู้ผลิต PDA นี่แหละครับ ที่เห็นว่าไหนๆ PDA ก็มีสมุดโทรศัพท์ในตัวอยู่แล้ว ถ้างั้นก็เอาโทรศัพท์ใส่เข้าไปใน PDA เสียเลยก็แล้วกัน


ทำให้เราได้โทรศัพท์อีกแบบหนึ่ง ที่มีสมุดโทรศัพท์ที่เก็บได้แทบไม่จำกัด แล้วก็ยังอาศัยความสามารถอย่างคอมพิวเตอร์ เอามาใช้งานสื่อสารข้อมูล เช่น Email หรือบริการอื่นๆบนอินเทอร์เน็ตได้ด้วย


นั้นคือ กลายเป็น Smartphone ชนิดหนึ่งนั่นเองครับ แต่เป็น Smartphone ที่เกิดขึ้นมาจากความเป็น PDA ที่ใส่โทรศัพท์เข้าไป ต่างจาก Smartphone แบบแรก ที่เป็นโทรศัพท์ที่เอาคอมพิวเตอร์ใส่เข้าไป


การมีพื้นฐานเป็น PDA มาก่อน ทำให้มีความแตกต่างจาก Smartphone เดิมนั่นคือ มีจอภาพขนาดใหญ่ และเป็นจอ Touch screen ซึ่งสั่งงานโดยการแตะที่จอได้ เป็นจุดที่ Smartphone แบบแรก ไม่มี


ก็เลยกลายมาเป็นคำว่า PDA Phone ครับ คือ Smartphone ที่มีจอ Touch screen นั่นเอง





ผู้ผลิต PDA Phone รายสำคัญก็คือ Sony-Ericsson ซึ่งนำเอา Symbian มาพัฒนาให้ใช้กับ Touch screen แล้วเรียกระบบปฏิบัติการ Symbian แบบนี้ว่า UIQ ครับ


Nokia ก็กำลังพัฒนา Symbian ของเขาให้มีแบบที่ใช้ Touch screen ด้วยครับ





อีกระบบหนึ่งที่กำลังไล่ตามมาก็คือ Windows Mobile เช่นเคยครับ และดูเหมือนว่าคราวนี้จะทำได้ดีทีเดียว เพราะ PDA Phone ที่ใช้ Windows Mobile มีจำนวนผู้ใช้สูสีกับค่าย Symbian และอาจจะแซงหน้าในไม่ช้า


PDA Phone ที่ใช้ Windows Mobile เราเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Pocket PC Phone ก็ได้ครับ





Palm ค่ายนี้เคยประสบความสำเร็จอย่างมากกับ PDA แต่มาในยุคของ PDA Phone ที่ต้องการเครื่องสมรรถนะสูงสำหรับการใช้งานที่ซับซ้อนขึ้น ก็ประสบปัญหาในการพัฒนาระบบปฏิบัติการครับ ทำให้ต้องหยุดอยู่ที่ Palm OS 4 และเริ่มหันมาใช้ Windows Mobile แทน พร้อมๆกับหาโอกาสใหม่กับระบบปฏิบัติการ Linux





อีกระบบปฏิบัติการหนึ่งก็คือ Linux ครับ เช่นเดียวกับทางฝ่าย PDA คือ ระบบปฏิบัติการนี้ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ก็เป็นที่จับตามองกันว่า Smartphone และ PDA Phone ที่ใช้ Linux น่าจะมีอนาคตที่ดี


ครับ แม้ว่าโทรศัพท์บางแบบจะมีลักษณะของ PDA Phone เช่น Sony-Ericsson แต่ผู้ผลิตก็ไม่ค่อยอยากเรียกโทรศัพท์ของตนเองว่าเป็น PDA Phone นักครับ แต่เรียกว่าเป็น Smartphone มากกว่า


หรือยี่ห้อ Palm ที่ถึงแม้จะผลิต PDA Phone ที่ใช้ Windows Mobile ก็ตาม ก็ขัดเขินที่จะเรียกโทรศัพท์ของตนเองว่าเป็น Pocket PC Phone จึงเรียกว่า Smartphone เช่นกันครับ


นั่นคือ เราจะเรียก PDA Phone หรือ Pocket PC Phone ว่า Smartphone ก็ได้ครับ เพราะ PDA Phone หรือ Pocket PC Phone ก็คือ Smartphone ชนิดหนึ่ง

No comments: