Mobile From Advance

16 January 2008

จะติดคุกไหมถ้าใช้ Bluetooth

Bluetooth เป็นเครื่องมือที่ใช้โดยถูกกฏหมายหรือเปล่า


จากกระทู้เมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับมึผู้อ้างว่าถูกจับกุมและปรับ เมื่อกำลังใช้งานอุปกรณ์ Bluetooth ทำให้เกิดกระแสความกังวลในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กที่มี Bluetooth ว่าสามารถใช้งานได้ในขอบเขตไหน ควรจะปฏิบัติอย่างไร
ประกอบกับยังมีความไม่เข้าใจข้อเท็จจริงอีกบางประการที่อาจนำไปสู่ความสับสนได้


Pocket PC Thai dot Com ในฐานะของสื่อที่ให้บริการข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ ขอนำบางส่วนของบทความ "มือถือและพีดีเอ จะติดคุกไหม ถ้าใช้ Bluetooth" ซึ่งเป็นบทความสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข, สารวัตรศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ Web Moderator ของ Pocket PC Thai dot Com ตีพิมพ์ในวารสาร PC World Magazine Thailand ฉบับแรก วันที่ 1 กันยายน 2546 มาเสนอกับเพื่อนๆ


มือถือและพีดีเอ จะติดคุกไหม ถ้าใช้ Bluetooth


โดย ศรีสุดา วินิจสุวรรณ์


ดูเหมือนว่าข่าวลือได้สร้างความสับสนให้กับผู้ซื้อและผู้ขายเทคโนโลยีใหม่นี
พอสมควร เจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือบรรดาเครื่องมือสื่อสารไร้สายมาตรฐานต่างๆอาทิ Bluetooth, WiFi และคงมีใหม่ๆตามมาอีกตามประสาของผู้รับเทคโนโลยีอย่างเรา ซึ่งอุปกรณ์ที่กำลังทยอยเดินหน้าเข้ามานั้น เป็นอุปกรณ์ที่อาศัยคลื่นวิทยุที่มีอยู่ในอากาศ แต่เพื่อการจัดระเบียบการใช้งาน จึงจำเป็นต้องมีกรอบให้ยึดถือปฎิบัติตาม ซึ่งเจ้าภาพในงานนี้คือ กรมไปรษณีย์โทรเลข


เหรียญชัย เรียววิไลสุข


อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข


กฏหมายโทรคมนาคมนั้นมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2498 มีผลบังคับใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องรับส่งวิทยุคมนาคม ประชาชนคนไดที่ต้องการมีไว้ครอบครอง จำเป็นต้องขออนุญาตทั้งหมด สมัยก่อนวิทยุบังคับของเด็กเล่นก็ยังต้องขออนุญาต แต่ต่อมาทางกรมฯก็พยายามที่จะออกกฏหมายแก้ไขระเบียบข้อบังคับ เพื่อที่จะทำให้เครื่องมือวิทยุบังคับกำลังต่ำ ไม่ต้องขออนุญาต ก็เลยออกเป็นกฏกระทรวงที่จะยกเว้นให้


แต่ต่อมาเทคโนโลยีก็พัฒนามาเรื่อยๆ ก็มีเครื่องมือใหม่ๆที่ใช้กับคอมพิวเตอร์บ้าง เนื่องจากพวกนี้มาทีหลัง กรมฯยังไม่ได้มีการแก้กฏกระทรวง


เพราะฉนั้นในระยะแรกนี้ จำเป็นต้องมีการขออนุญาตอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กรมฯได้มีการแก้ไขแล้ว พวก Bluetooth หรือพวกที่กำลังไม่เกิน 2.5 มิลลิวัตต์ ก็กำลังออกกฏกระทรวงแก้ไขยกเว้น ให้ไม่ต้องขอใบอนุญาตเลย


ปกติตอนนี้เราไม่ได้เข้มงวด เราก็รู้ว่าอุปกรณ์พวกนี้ประชาชนใช้งานกันทั่วไป ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ได้มีการทำอะไรที่ผิดกฏหมาย ไม่ไปรบกวนใคร เราก็ไม่ไปตรวจ ปล่อยค่อนข้างเสรี


เราบอกตรงๆว่าเราจะไม่เข้มงวด พยายามผ่อนปรน พยายามที่จะไม่ควบคุม เราต้องให้ประเทศเราพัฒนาเท่าๆประเทศอื่น


พตต. นิเวศน์ อาภาวศิน


กองกำกับการ 2 ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ถ้าว่ากันตามกฏหมายก็จับได้นะครับ เพราะเป็นการกระทำความผิดตาม พรบ. ที่มีโทษทางอาญา ตำรวจมีอำนาจในการจับกุม แต่ตำรวจคงไม่ไปจับเพราะถ้าจะจับกันจริงๆแล้ว การส่งอีเมล์นี่ก็ต้องจับเหมือนกัน เพราะตามกฏหมายแล้ว การส่งจดหมายข้ามประเทศนั้น ต้องผ่านการสื่อสารแห่งประเทศไทย


แม้กฏหมายฉบับปัจจุบันจะไม่ได้กำหนดออกมาอย่างชัดเจนว่าให้ใช้ได้เสรี แต่หากจับกุมไป และมีการดำเนินคดีแล้ว คงต้องขึ้นไปจนถึงขั้นฎีกา แล้วคงเลิกลากันไป เพราะศาลก็อาจจะพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ที่ใครเขาก็ใช้กันทั่วโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ภายไต้เจตนารมณ์ของผู้ใช้ด้วย ที่ว่าไม่ได้ใช้เพื่อเป็นการรบกวนผู้อื่น


ตำรวจคงไม่ไปขอตรวจหรือตามจับกันหรอกครับ เพราะหากไปจับก็ต้องมีผู้มาร้องเรียนว่า การใช้เครื่องมือสื่อสารดังกล่าวไปสร้างความรบกวน


เหลืออยู่ตอนนี้ที่รอก็คือ กฏกระทรวงใหม่ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งก็คงอีกไม่นาน


อังกุศ รุ่งแสงจันทร์


Web Moderator จาก www.pocketpcthai.com


นอกจากจะเกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ตแล้ว ยังลามออกมาในโลกจริงๆด้วยครับ โดยมีคนที่อ้างว่าเป็นผู้ที่ถูกจับและปรับ โทรไปที่ร้านค้า ซึ่งนายคนนี้อ้างว่าซื้อมาจากร้านนั้น ซึ่งร้านค้าก็ตอบได้ดีมากว่า ขอให้นำใบเสร็จค่าปรับมาติดต่อรับเงินได้เลย ทางร้านจะนำใบเสร็จรับเงินไปเรียกเก็บเงินจากผู้แทนจำหน่ายอีกต่อหนึ่งเอง เพราะเป็นการซื้อขายโดยสุจริต
นายคนนั้นไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย แม้ว่าจะอ้างว่าถูกปรับไปถึงห้าพันบาท


เป็นเรื่องโกหกบนอินเตอร์เน็ตอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น


พวกนี้เป็นพวกพอมีความรู้บ้าง แต่มีปมด้อย เรื่องแบบนี้มีออกมาเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆด้านนี้ออกมาครับ แล้วก็ได้ผลพอสมควรทุกครั้ง คือกังวลและตระหนกกันไปพักหนึ่งแล้วก็เงียบไปตามธรรมชาติของสังคมเรา


สื่อมวลชน รวมทั้งเว็บไซต์ เป็นองค์กรที่มีบทบาทมากที่สุดองค์กรหนึ่งครับ และเป็นหน้าที่ที่สำคัญอันหนึ่งของสื่อ ที่จะเสนอข้อเท็จจริงและความเห็นที่เหมาะสมและทันกับเหตุการณ์


กฏหมายที่ตราขึ้น ก็มีความเหมาะสมสำหรับยุคสมัยที่ตราขึ้น แต่วันนี้เทคโนโลยี วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และสังคมก็แตกต่างไปมากแล้ว การตรวจสอบ ควบคุมและติดตาม หากยังมีความจำเป็นอยู่ ก็ควรปรับปรุงให้เหมาะสม


เจ้าหน้าที่ก็คือผู้ใช้เทคโนโลยีเหมือนกันนะครับ ดังนั้นเขาก็ติดตามเทคโนโลยีเหมือนๆกับเรา และอาจจะลึกซึ้งกว่าด้วย เพราะเกี่ยวข้องโดยตรง


ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของเราตระหนักในเรื่องที่เราคุยกันนี้มานานแล้วครับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน
สำคัญที่ผู้บริหาร จะปรับนโยบาย รวมทั้งมาตรการต่างๆ และกฏหมาย ให้เหมาะสมหรือเปล่า

No comments: