Mobile From Advance

26 January 2008

การใช้งาน 2D Bar Code

เพื่อนๆอาจสงสัยว่าเดี๋ยวนี้ Pocket PC Thai dot Com ของเพื่อนๆมีสัญญลักษณ์อะไรแปลกๆด้วย มันคือ Bar Code แบบสองมิติครับ

เราคุ้นเคยกับ Bar Code กันดีเพราะร้านค้าสมัยนี้ใช้กันทั้งนั้น ช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูล ไม่ต้องกรอกราคาเอาเอง หน้าที่หลักของ Bar Code เขาก็ตรงนี้แหละครับ ช่วยเรากรอกข้อมูล แล้วจะเอาข้อมูลไปทำอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน 2D Bar Code ของเราก็ ไม่ต่างกันในแง่ของวัตถุประสงค์ คือเป็นวิธีช่วยกรอกข้อมูลวิธีหนึ่ง โดยอาศัยกล้องถ่ายรูปที่ติดมากับ Pocket PC นี่แหละครับเป็น Bar Code Reader

2D Bar Code ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องอ่านที่ไม่จำกัดว่าจะวางรูปในแนวตั้ง แนวนอน แนวเอียงหรือกลับหัวกลับหาง แล้วก็บันทึกข้อมูลได้มากกว่าด้วยพื้นที่เท่าๆกันครับ
2D Bar Code โดยหลักการก็คือการเอา Bar Code มากกว่าหนึ่งอันมาวางตั้งซ้อนๆกันนั่นแหละครับ




การใช้งาน Bar Code มีส่วนสำคัญๆคือ

  • สื่อสำหรับแสดง Bar Code เช่นสิ่งพิมพ์ จอภาพ หรือสื่อไดๆที่แสดงผลเป็นภาพ อาจจะเป็นโปสเตอร์, จอภาพยนต์ หรือผนังตึกทั้งตึกก็
    ได้
  • เครื่องอ่านและแปลภาพ Bar Code สำหรับกรณีของ Pocket PC ก็จะเป็นกล้องถ่ายรูปที่ติดมากับเครื่อง
  • หากต้องการจะเตรียม Bar Code เอง ก็ต้องมีโปรแกรมสำหรับเตรียม Bar Code ด้วยครับ

สำหรับในเว็บ Pocket PC Thai dot Com เพื่อนๆจะได้พบ 2D Bar Code (ต่อไปจะเรียกว่า Bar Code เฉยๆนะครับ) ตรงจุดที่
มีข้อมูลเช่น Link ไปเว็บสำหรับดูบน Pocket PC หรือไม่ก็ Link ไป Download โปรแกรมลง Pocket PC โดยตรง หรือข้อมูลอื่นๆที่ไม่
ยาวมากนักและอำนวยความสะดวกให้เพื่อนๆไม่ต้องกรอกเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Link ไป Download หรือไปที่หน้าเว็บครับ ดังนั้นก็จะ
เหมาะกับเพื่อนๆที่ใช้งาน Online เป็นประจำ ซึ่งก็สอดคล้องกับ Concept ของเว็บพอดี คราวนี้เพียงจับ Pocket PC ขึ้นส่องก็ไปเว็บที่
กำหนดไว้ได้เลย

ต้องเรียนอีกครั้งว่า เหมาะสำหรับเพื่อนๆที่ใช้งาน Online เป็นประจำ เช่นใช้บริการ GPRS แบบ Flat rate (Unlimited) หรือจะ Online ด้วย Wireless LAN ส่วนตัว หรือใช้ Pass Through ActiveSync ก็ได้ครับ


QR Code



Data Matrix



ShotCode



mCode

มาตรฐานของ 2D Bar Code มีเยอะเลยครับ อย่าง QR Code ซึ่งนิยมใช้กันมากในญี่ปุ่น และญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่ใช้ 2D Bar Code มากที่สุดในตอนนี้ด้วย หรืออีกอันหนึ่งคือ Data Matrix กับ ShotCode ซึ่งใช้ในยุโรป และยังมีมาตรฐานแบบอื่นๆอีก

Pocket PC Thai dot Com ของเพื่อนๆเลือกใช้ QR Code ครับด้วยเหตุดังนี้

  • มีเครื่องมือเตรียม Bar Code ที่หาง่าย และใช้กับภาษาไทยได้
  • มีโปรแกรมอ่าน Bar Code บน Pocket PC ฟรีและใช้งานง่าย
  • QR Code กำลังเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นเรื่อยๆและอาจจะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมต่อไป เช่น Google ก็เริ่มนำเอา QR Code มาใช้กับสิ่งพิมพ์โฆษณาแล้ว

ลักษณะเฉพาะของ QR Code ที่สังเกตได้ง่ายที่สุดคือ จุดสี่เหลี่ยมที่สามมุมของ Bar Code ครับ การจัดจุดแบบนี้จะทำให้เครื่องอ่าน
สามารถมองออกได้ง่ายว่า ภาพที่อ่าน กำลังตั้ง นอน เอียง หรือกลับหัวกลับหางอยู่ เวลาเราอ่านจึงไม่จำเป็นต้องตั้งกล้องให้ตรงครับ

เตรียมใช้งาน
การใช้งานก็ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมนิดหน่อย โดยมีให้เลือก 2 ตัวคือ i-nigma กับ QuickMark ซึ่ง i-nigma จะใช้งานง่ายกว่าเล็กน้อย แต่ QuickMark จะเก่งกว่านิดหน่อย
ใช้ Browser บน Pocket PC เปิดไปที่

http://www.i-nigma.mobi

สำหรับ i-nigma


หรือใช้ Browser บน PC เปิดไปที่

http://www.quickmark.com.tw/En/basic/download.asp

สำหรับ QuickMark


เลือกเอาตัวไดตัวหนึ่งก็ได้ครับแต่อย่าติดลงไปทั้งสองตัวเพราะจะไม่ยอมทำงานทั้งคู่ และน่าสงสัยว่าอาจจะมีปัญหาหากเรามีโปรแกรมที่ทำหน้าที่แทนโปรแกรมถ่ายรูปเดิมที่มากับเครื่องด้วย
แต่ถ้าใช้โปรแกรมถ่ายรูปเดิมๆอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร

เรียกโปรแกรมขึ้นมาแล้วก็ส่องไปที่ Bar Code จะบนจอหรือที่พิมพ์ไว้บนกระดาษก็ได้ กะให้ภาพ Bar Code เต็มพอดีๆ





หากเป็น QuickMark พอเขาเห็นว่าชัดพอแล้วเขาจะอ่านเลยครับ ถ้าไม่ชัดเราก็อาจจะขยับเข้าออกจาก Bar Code หน่อย แล้วใช้ปุ่มขึ้น -
ลงเพื่อปรับซูมให้ Bar Code เต็มพอดีๆจอ หรือถ้ามีเลนส์ Auto Focus ก็แตะปุ่มชัตเตอร์ลงไปครึ่งหนึ่งแล้วปล่อย เขาจะโฟกัสจนชัดแล้ว
อ่าน Bar Code ครับ

ถ้าเป็น i-nigma พอเรียกเสร็จก็แตะ Open Camera โปรแกรมจะไปเรียกเอาโปรแกรมถ่ายภาพขึ้นมาครับ เราก็ส่องไปที่ Bar Code ให้พอ
เต็มๆจอ ถ้าไม่ชัดก็ใช้ถอยหรือเข้าใกล้อีกหน่อยแล้วใช้ปุ่มขึ้นลงพื่อซูมให้ขนาด Bar Code เต็มจอพอดีๆ หรือหากเป็นเลนส์ Auto Focus
ก็จัดการตั้งโฟกัสใหม่ จากนั้นก็กดชัตเตอร์ได้ครับ

ส่วนสำคัญที่ต่างกันระหว่างสองโปรแกรมนี้คือ กดหรือไม่กดชัตเตอร์ครับ QuickMark ไม่ต้องกด พอเขาคิดว่าชัดพอเขาก็จะลงมืออ่านเลย
ส่วน i-nigma เราต้องทำหน้าที่ถ่ายรูปด้วย

จากนั้นถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เราก็จะได้ข้อมูลออกมาครับ

สำหรับบนเว็บ Pocket PC Thai dot Com เราก็จะเป็นข้อมูลต่างๆที่กล่าวมาแล้ว Bar Code ที่มีขนาดจุดใหญ่ จะอ่านง่ายกว่าขนาดจุดเล็ก
และ Bar Code ที่มีข้อมูลไม่มาก ขนาดของจุดก็จะใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของตัว Bar Code จึงอ่านได้ง่ายด้วย ขณะที่ Bar Code ที่มี
ข้อมูลเยอะๆจะมีขนาดจุดที่เล็กเมื่อเทียบกับขนาดของตัว Bar Code ทำให้อ่านยากแม้ว่าจะชยายให้ใหญ่ก็ตาม เพราะ Bar Code ที่มี
ข้อมูลมากๆพอเรายกขึ้นส่อง เจ้าจุดทั้งหลายก็จะหดเล็กจิ๊ดเดียวถึงจะมองได้ทั้งภาพ บางทีเลยอ่านไม่ออก

ทำ Bar Code ใช้เอง
หากเพื่อนๆสนใจจะนำไปใช้ในเว็บหรือบล็อกบ้าง ก็สามารถเตรียม Bar Code ได้ด้วยตนเองครับ มีทั้งโปรแกรมและบริการบนเว็บ





การเตรียม Bar Code นั้นสามารถทำได้หลากหลายมาก จะให้บันทีกข้อมูลมากๆก็ได้ จะแทรกภาพลงไปก็ได้ แต่ก็จะต้องมีเครื่องมือและ
ความเข้าใจเกี่ยวกับ Parameter ต่างๆของการทำ Bar Code ด้วย สำหรับเราๆใช้งานกันเองก็เอาแบบง่ายๆก็เหลือเฟือครับ

สำหรับอันที่เราแนะนำคือบนเว็บของ

i-nigma

หรือเว็บของ

QuickMark

ซึ่งเป็นบริการฟรีและเราไม่ต้องติดตั้งอะไรบนเครื่องของ
เราด้วย

เช่นเคยครับ ของ i-nigma จะง่ายๆ แต่ของ Quickmark จะเก่งกว่า มีให้เลือกใช้เยอะ มีกระทั่งส่งพิกัดให้กับโปรแกรมในกลุ่ม PapaGo เช่น
PowerMap ได้ด้วย





หรือหากพอเดาภาษาญี่ปุ่นได้ ก็มีที่

Moji-Q
Maker

ครับ มีลูกเล่นใส่ตัวอักษรเข้าไปด้วยได้





หรืออีกอันหนึ่งถ้าเพื่อนท่านไหนใช้ FireFox ก็มี

Extension

ให้ติดตั้งครับ เพียงชี้ไปที่ Icon ของ Extension เราก็จะได้ QR Code ของเว็บที่เรากำลังดูอยู่

หากเราเน้นการใช้งานร่วมกับการ Online แล้ว ก็ไม่ต้องทำ Bar Code ที่มีข้อมูลมากนักก็ได้ครับ แค่ Link ไปที่เว็บก็พอ หรือเอามา
พิมพ์กับนามบัตร ก็เก็บข้อมูล Contacts ทั่วๆไป ข้อมูลก็ไม่มากนักครับ ก็จะได้ Bar Code ที่อ่านง่ายและเร็ว

เพื่อนๆอาจจะเอา 2D Bar Code ไปพิมพ์ลงในนามบัตร หรือหัวกระดาษ ทำให้ผู้รับที่เขามีเครื่องหรือโปรแกรมอ่าน 2D Bar Code
สามารถอ่านเข้าไปในเครื่องเขาได้โดยตรงไม่ต้องไปกรอกเองครับ หรือจะเอาไปฝากไว้ตามบล็อกเพื่อให้คนอ่านเรียกไปที่เว็บส่วนตัวบน
Pocket PC หรือเป็นข้อมูลนามบัตร ข้อความอวยพร ฯลฯ ก็ได้

ขอให้ใช้งาน Pocket PC อย่างเอาจริงเอาจังได้อย่างเพลิดเพลิน และมีประสิทธิภาพนะครับ






การตั้งค่าของ Email


เพื่อนๆที่ใช้ Pocket PC ก็คงเป็นเรื่องปกตินะครับที่จะใช้รับ-ส่ง Email ด้วย โดยเฉพาะหากเป็น Email จาก Exchange Server ก็จะเป็นแบบ Push Mail คือมาถึงเราตรงๆทันอกทันใจเหมือน SMS หรือบางท่านใช้ Hotmail บนโปรแกรม Messaging ก็สามารถตั้งให้รับแบบ As items arrive เป็น Push Mail ได้เช่นกันครับ โดยตั้งค่าง่ายมากเพียงกรอก Email address กับ Password ตามปกติ ก็ทำให้ Windows Mobile เป็นโทรศัพท์ที่เก่งกว่าโทรศัพท์อื่นๆตรงนี้แหละครับ เก่งและง่ายมาก

สำหรับ Email ยอดนิยมอย่าง Gmail และ Yahoo! Mail ก็ง่ายเช่นกันครับ ที่น่าสนใจคือ บน Yahoo! Mail บริการแบบนี้ต้องจ่ายเงิน แต่เอาค่านี้มาตั้งบน Pocket PC กลับใช้งานได้ดีและไม่ต้องเสียเงิน (ให้กับ Yahoo!) ด้วยครับ

แต่ยังไม่เป็น Push นะ ต้องตั้งเวลาให้เขารับเมล์เอง

Email settings



Gmail IMAP4
ปกติ Gmail จะตั้งค่าให้เราโดยอัตโนมัติ แต่จะเป็น POP3 ซึ่งหากเราจะเอา IMAP4 เราก็เลือกตั้งแต่แรกได้ครับ แล้วมาตั้งค่าเอง

IMAP: imap.gmail.com
SMTP: smtp.gmail.com





Yahoo! IMAP4
Yahoo! Mail ก็เช่นกันครับ หากไม่บอกอะไร ระบบจะตั้งค่าให้เองเป็น POP3แต่ถ้าเราต้องการ IMAP4 ก็จัดการตั้งเอง

IMAP: imap.mail.yahoo.com
SMTP: smtp.mobile.yahoo.com

เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่า แล้ว IMAP4 มันดีกว่า POP3 ที่ใช้ๆกันอยู่ยังไง ก็เรียนว่าแบบนี้ครับ
POP3 นั้นง่ายและตรงไปตรงมา คือมี Email มาถึงเราที่ Server เราก็เปิดโปรแกรมเช่น Outlook ไปดึงเอา Email นั้นมาไว้ที่เครื่องเรา พอดึงเสร็จก็ลบ Email ใน Server ด้วย จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่

วิธีของ POP3 ก็ดีครับตรงไปตรงมาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่ถ้าหากเราใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่อง มากกว่าหนึ่งที่ แต่ละเครื่องก็ใช้ Email ทั้งนั้น ซึ่งเรื่องแบบนี้มีกันเป็นปกติไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะ Pocket PC นี่แหละที่เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง แต่ทีนี้หากเราใช้ POP3 Mail จะพบว่า พอเราอ่าน Email ที่เครื่องหนึ่ง เราจะไปอ่าน Email ฉบับนั้นที่เครื่องอื่นไม่ได้ เพราะพอเราเปิดอ่าน ระบบจะส่ง Email ฉบับนั้นมาที่เครื่อง แล้วลบ Email ฉบับนั้นออกจาก Server

เจอแบบนี้เราจะได้เครื่องที่มี Email ไม่ซ้ำกันเลย ก็เป็นธรรมชาติดีนะครับ เหมือนจดหมายใส่ซอง ส่งถึงที่ไหนก็อยู่ที่นั่น ไม่มีการสำเนา ธรรมชาติแต่ไม่ค่อยสะดวก
แต่ถ้าเราต้องการจะอ่าน Email ฉบับเดียวกันจากเครื่องอื่นด้วย จะลบจาก Server ก็ต่อเมื่อเราสั่งลบ งานนี้ต้อง IMAP4 ครับ

การใช้งาน IMAP4 คงทำให้เพื่อนได้ประโยชน์จาก Pocket PC มากขึ้นนะครับ

16 January 2008

แนวโน้มความเป็นไปของ Windows Mobile ปี 2551

ผ่านมาและผ่านไปอีกครั้งครับสำหรับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นช่วงเทศกาลที่เราหลายๆคนใช้เวลาทบทวนสิ่งที่ผ่านมา และมองว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในปีถัดไป และสำหรับวงการ Windows Mobile ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น


แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงเรื่องแนวโน้มของ Windows Mobile สำหรับปีหน้า เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงวงการโทรศัพท์ในปีหน้าด้วยครับ เพราะวันนี้ภาพหนึ่งของ Windows Mobile นั้น แยกไม่ออกจากความเป็นโทรศัพท์แล้ว ความเป็นไปในวงการโทรศัพท์ย่อมมีผลถึงความเป็นไปของ Windows Mobile อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้





แน่นอนว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ในวงการโทรศัพท์คงไม่มีข่าวไหนที่จะโดดเด่นไปกว่าการวางตลาดและความสำเร็จ ของ iPhone จากผู้ผลิตหน้าใหม่แต่เก๋าเกมคือ Apple เจ้าของ McIntosh และ iPod อันมีชื่อเสียง โดย iPhone ทำสถิติขายได้หลักล้านเครื่องภายในเวลาเพียงเดือนเดียว นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของวงการ ไม่ว่าจะมองในแง่ของการออกแบบ การตลาด การผลิต หรือการควบคุมข่าวสารข้อมูล และความเสร็จนี้ทำให้ผู้ผลิตโทรศัพท์รายอื่นๆต้องทบทวนแนวทางการออกแบบ สินค้าของตนเองใหม่


และความสำเร็จของ iPhone ก็เป็นการประกาศว่า โทรศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของ Life Style คนเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย


และ หลังจากความสำเร็จของ iPhone ได้ไม่นาน ก็มีข่าวเกี่ยวกับวงการโทรศัพท์ออกมาจากยักษ์ใหญ่ด้าน IT อีกรายหนึ่งคือ Google หลังจากเป็นข่าวลือเกี่ยวกับโทรศัพท์ gPhone อยู่พักหนึ่ง และข่าวนั้นก็เปิดเผยออกมาในที่สุดว่า สินค้าใหม่ของ Google จะไม่ใช่ตัวโทรศัพท์ แต่จะเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กับโทรศัพท์ โดยมีพื้นฐานจาก Linux


เกมของยักษ์ใหญ่


ปีหน้าเราจะ ได้พบกับการแข่งขันในวงการโทรศัพท์ โดยมีผู้แข่งขันที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้าน IT ถึง 3 รายคือ Microsoft, Apple และ Google ซึ่งแน่นอนว่าผู้ผลิตโทรศัพท์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nokia, Sony-Ericsson และ Motorola ไม่ยอมอยู่นิ่งๆแน่ แน้มโน้มต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดโทรศัพท์ก็จะมาจากยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 นี่แหละครับ





อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ผลิตและผู้พัฒนารายย่อยอีกบางราย เช่น Palm และ ACCESS ที่ยังไม่ละความพยายามจะกลับมาสู่กระแสอีก แต่จากขนาดของการแข่งขันแล้ว คงต้องบอกว่า รายย่อยเหล่านี้คงจะเลี่ยงไปทำตลาด Vertical


ผลของการแข่งขันของยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะสะท้อนมาในความเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ครับคือ


User Interface


การ ปรากฏตัวของ iPhone เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า Apple กำลังบอกทุกคนว่า ถึงเวลาออกแบบโทรศัพท์ใหม่กันแล้ว โดยเฉพาะด้าน User Interface ที่ Apple ถนัดเป็นพิเศษ และสิ่งนี้ทำให้ยักษ์ใหญ่ที่เหลือ ต้องกลับไปทำการบ้านใหม่ อย่างเงียบๆบ้าง และอย่างเปิดเผยบ้าง


User Interface ที่จะเปลี่ยนไปอย่างเป็นด้านหลักก็คือการใช้งานภาพเคลื่อนไหวและ Gesture (การขยับมือ) ในการสั่งงานต่างๆแทน Menu แบบเดิมๆ และการใช้งาน Motion sensor สำหรับช่วยสั่งงานแทนการกดปุ่ม เช่นการส่ายโทรศัพท์ไปมาเพื่อสั่งว่า ไม่รับสาย, เกมแบบใหม่ๆที่ใช้การเทเครื่องไปมาแทนการใช้ Joystick ซึ่งคอเกมคงรู้จักกับ User Interface แบบนี้มากับ Wii ของ Nintendo มาแล้ว


คู่แข่งที่สำคัญที่สุดในสนาม User Interface คือยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น Sony-Ericsson เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ผลิตสัญชาตินี้ไม่เคยเป็นรองใครในด้านของ User Interface รวมทั้งคุณภาพของวัสดุและการผลิต การมาของ iPhone จึงเป็นการแข่งกับรายนี้โดยตรง


เราคาดหวังได้เลยว่าจะได้พบกับ User Interface แบบใหม่ๆ ที่ในที่สุดจะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมจากสองรายนี้


3G


การขาดแคลนชิป 3G จาก Qualcomm ผู้ผลิตชิปโทรศัพท์รายใหม่ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 เป็นหลักฐานที่สำคัญว่าผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่กำลังหันมาผลิตโทรศัพท์ 3G กันแล้ว และในขณะเดียวกันผู้ให้บริการทั่วโลกต่างก็ Upgrade เครือข่ายของตนเองไปเป็น 3G แล้วด้วย


สำหรับเมืองไทยเรา กทช.จะเริ่มออกใบอนุญาตประกอบการ 3G ในปีหน้าเช่นกัน โดยที่มีผู้ให้บริการบางรายที่มีความพร้อมรออยู่แล้ว


แต่เรื่องของ 3G ในปีหน้ายังคงเป็นเรื่องของตัวเครื่องและเครือข่ายที่แม้จะอยู่ในมือผู้ใช้แล้ว แต่ก็ยังไกลตัว ผู้ใช้ทั่วโลกยังรอคำตอบว่า จะได้อะไรจาก 3G บ้าง
เป็นการบ้านที่ผู้ผลิตและผู้ให้บริการโทรศัพท์จะต้องไปคิด ว่าจะเอาอะไรเป็นจุดขายของ 3G


GPS


อเมริกาและยุโรปกำลังจะบังคับให้โทรศัพท์ทุกเครื่องสามารถระบุตำแหน่งของตนเองได้ นัยว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ครับ แต่เดิมนั้นจะอาศัยข้อมูลจากผู้ให้บริการว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นๆกำลังใช้สัญญาณจากสถานีจุดไหน ซึ่งวิธีนี้ให้ความแม่นยำดีในเมืองที่หนาแน่น สถานย่อยๆจำนวนมากในอาคารช่วยให้ระบุตำแหน่งของโทรศัพท์แต่ละเครื่องได้ แม่นยำถึงชั้นของอาคาร แต่จะมีความแม่นยำน้อยมากในถนนหลวงซึ่งสถานีจะมีกำลังสูงและอยู่ห่างกัน ในขณะที่การร้องขอความช่วยเหลือและระบุตำแหน่งมักจะมาจากอุบัติเหตุในท้อง ถนน ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มเติมความสามารถของ GPS เข้าไปในโทรศัพท์เพื่อให้สามารถระบุตำแหน่งของตนเองได้แม่นยำในที่โล่ง


มาตรการนี้แม้ว่าจะถูกมองว่าความจริงแล้วอเมริกาและยุโรปต้องการจะทำตัวเป็น Big brother ตรวจความเป็นไปของผู้คนเหมือนอย่างในนวนิยายชื่อ 1984 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบหากมีผู้นำเอาโทรศัพท์มาใช้จุดระเบิดเพื่อ ก่อวินาศกรรม แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆจากนโยบายนี้คือ การมีอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกันกับ GPS ในโทรศัพท์


แต่ GPS กับโทรศัพท์จะไม่ได้นำมาใช้เพื่องาน GIS หรือ Navigation ครับ เพราะอุปกรณ์พกพาติดตัวเช่นโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ของทุกๆคนไม่ว่าจะมีความรู้เรื่อง GIS หรือไม่ ไม่ว่าจะขับรถเองหรือเปล่า ผลพลอยได้ของการมี GPS ในโทรศัพท์จะมาในรูปของบริการที่เรียกว่า Location-based service ที่จะพัฒนาต่อไปได้อีกมากมาย


ลองนึกถึง Social network อย่าง Blog ที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ นึกถึงว่าหากเรามี Blog ที่แสดงความเป็นตัวตนของเรา ความเห็นของเรา ความชอบและไม่ชอบของเรา สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นข้อมูลสาธารณะที่นำไปประยุกต์กับโทรศัพท์ เราสามารถจะรู้ได้ว่า มีคนที่สนใจเรื่องเดียวกับเราอยู่ใกล้ๆในศูนย์การค้าเดียวกัน, มีเพื่อนของเราสมัยมัธยมกำลังซื้อตั๋วหนังอยู่ถัดไปไม่ไกล ฯลฯ


Location-based service และ Social network เป็น Solution ที่มีศักยภาพมากที่สุดในเวลานี้ ที่จะเป็น Application ที่ใช้ความสามารถของ 3G และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้จากการสนทนาพื้นๆได้ และจะเหนี่ยวนำให้มีการใช้งานโทรศัพท์ที่หลากหลายออกไปอีก อันนี้เป็นเรื่องที่คงจะได้คุยกันในปีหน้าครับ


นั่นคือส่วนของความ เปลี่ยนแปลงที่กำลังเป็นไปในภาพรวม และพร้อมๆกับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางเดียวกันก็มีบางเรื่องที่ อยู่ในระหว่างการแข่งขันและคัดเลือกโดยผู้ใช้ ว่าแนวทางไหนที่จะประสบความสำเร็จ


แนวทางที่กำลังหาจุดสมดุล


Open VS Close


แนว ทางการเปิดกว้าง กับแนวทางที่ผู้ผลิตกำหนดกรอบให้กับผู้ใช้ ทั้งสองแนวทางนี้มีข้อดีของตัวเอง แนวทางที่เปิดกว้างทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ได้ แต่หากผู้ใช้ขาดความรู้ความเข้าใจ ทางเลือกหลากหลายอาจะนำไปสู่ระบบที่มีค่าใช้จ่ายสูง คุณภาพต่ำ ไม่เสถียร และปัญหาอีกมากมาย ในขณะที่ระบบที่ผู้ผลิตกำหนดกรอบให้กับผู้ใช้ มีข้อดีที่ได้บริการที่เชื่อถือได้ในราคาที่ถูก แต่ผู้ใช้อาจได้บริการที่ไม่ตรงกับความต้องการ และอาจต้องจ่ายแพงเนื่องจากการผูกขาด


การเปิดกว้างของเครือข่าย


เช่น สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องเดิมกับเครือข่ายไหนก็ได้เพียงการเปลี่ยนไปใช้ SIM ของเครือข่ายนั้นเป็นเรื่องธรรมดาในเอเชียและยุโรป และอเมริกากำลังขยับตามไปในแนวทางที่เปิดกว้างมากขึ้น เอเชียกับยุโรปรวมทั้งบ้านเรากำลังขยับไกลออกไปกว่านั้นคือ Number portability การใช้เลขหมายเดิมแม้จะเปลี่ยนผู้ใช้บริการ ทำให้เลขหมายโทรศัพท์เป็นสมบัติส่วนตัวของแต่ละคน เลขหมายที่ใช้เมื่อสิบปีที่แล้วยังก็คงเป็นเลขหมายเดิมที่สามารถใช้ติดต่อได้แม้จะเปลี่ยนผู้ให้บริการไปเป็นรายอื่น


ซอฟต์แวร์


การเปิดกว้างของผู้ผลิตโทรศัพท์ เช่นระบบปฏิบัติการที่มีผู้พัฒนาอิสระอย่าง Windows Mobile, Symbian และรายใหม่คือ Android จาก Google ทำให้ผู้ใช้โดยเฉพาะผู้ใช้ในระดับองค์กรสามารถพัฒนาโทรศัพท์ให้รองรับการ ใช้งานได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น แต่การเปิดกว้างก็เสี่ยงกับเสถียรภาพของระบบที่ผู้ใช้อาจติดตั้งโปรแกรมที่ไม่เหมาะสมลงไปเองและรบกวนการใช้งานของเครื่อง ในขณะที่ระบบที่กำหนดกรอบให้กับผู้ใช้ ติดตั้งอะไรเพิ่มไม่ได้ จะมีเสถียรภาพสูงแม้จะต้องแลกกับความสามารถในการใช้งานเฉพาะด้านได้น้อยลง


สำหรับ Android มีบางอย่างที่น่าสนใจ หากการเปิดกว้างของ Android หมายถึงการที่สามารถจัดหาระบบปฏิบัติการ Android มาติดตั้งในโทรศัพท์รุ่นไดๆก็ได้ เช่นมี Android สำหรับโทรศัพท์ Windows Mobile เดิม (ซึ่งผลิตโดย HTC รายเดียวกับที่กำลังจะผลิตโทรศัพท์ Android) ก็จะทำให้เกิดตลาดใหม่ของ Smartphone ที่ผู้ใช้สามารถนำไป Customize ได้เหมือนกับ PC


การ แข่งขันระหว่าง Open และ Closed มีแนวโน้มว่าจะขยับไปทาง Open มากขึ้น โดยผู้ผลิตโทรศัพท์เปิดโอกาสให้ลูกค้าระดับองค์กรสามารถกำหนด Policy ให้สามารถปรับตั้งโทรศัพท์ไปตาม Application ที่องค์กรใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรมได้เอง เป็นแนวทางที่จะได้รับความนิยมและเป็นการนำเอาข้อดีของทั้งสองแนวทางมาใช้


เช่น เดียวกับการใช้งานเทคโนโลยีอื่นๆ แนวทางการใช้งานในระดับองค์กรจะค่อยๆเป็นที่ยอมรับเป็นการใช้งานในระดับบุคคลในที่สุด ในขณะที่การใช้งานที่เริ่มจากการใช้งานส่วนบุคคล ยากที่จะพัฒนาและเติบโตต่อไปได้ ผู้ผลิตและผู้พัฒนาที่สามารถจับตลาดองค์กรได้ก่อน จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าผู้ผลิตและผู้พัฒนาที่จับตลาดการใช้งาน ส่วนบุคคลก่อน ความสำเร็จในตลาดผู้ใช้งานส่วนบุคคลจะมีความอ่อนไหวกับแฟชั่นและจะเป็นไปในช่วงสั้นๆ ผู้ผลิตที่จะอยู่ในตลาดนี้ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องการเปิดกว้างของระบบ แต่จะต้องมีความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้เร็ว เปลี่ยนรุ่นบ่อย


Open หรือ Close จึงขึ้นอยู่กับกลุ่มตลาด ว่าจะเป็นองค์กร หรือผู้ใช้ทั่วไปครับ แต่เครือข่ายมีแนวโน้มว่าจะเปิดกว้างขึ้น การทำกำไรจากการผูกกับผู้ให้บริการบางรายจะสร้างกำไรได้น้อยลง


เครื่องเล็ก VS จอใหญ่


นับ ตั้งแต่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว โทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ลดขนาดลงมาเรื่อยๆจนในที่สุดขนาดของโทรศัพท์ก็ไม่ได้กำหนดด้วยเทคโนโลยีของฮาร์ดแวร์และแบตเตอรีอีกต่อไป แต่ถูกกำหนดด้วย User Interface อันดับแรกคือ ปุ่มกดที่ไม่สามารถจะเล็กลงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว


แต่ ในช่วงปีที่ผ่านมา Windows Mobile และ Symbian เริ่มกำหนดขนาดใหม่ของโทรศัพท์ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น ทำให้โทรศัพท์ต้องมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วย และในที่สุด iPhone ก็มาพร้อมกับจอภาพขนาดใหญ่ขึ้นไปอีก


ในปีหน้าขนาดของจอภาพจะเริ่มลง ตัว โดยเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้งานการสื่อสาร ข้อมูลมากขึ้น หรือหากการใช้งาน Touchscreen ประสบความสำเร็จโทรศัพท์ก็จะต้องการจอที่ใหญ่ขึ้น


แต่หากพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์ยังคงเดิม หรือการใช้งานปุ่มกดประสบความสำเร็จมากกว่า จอภาพของโทรศัพท์ขนาดใหญ่ก็จะไม่เป็นที่ต้องการ


Touch screen VS ปุ่ม


เป็นสองแนวทางที่จะแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในปีหน้า ว่าในที่สุดแล้วผู้ใช้จะยอมรับแนวทางไหน ระหว่างจอภาพขนาดใหญ่ สั่งงานผ่าน Touch Screen หรือจะเป็นจอภาพขนาดย่อมลงมา และมีปุ่มควบคุมที่เพียงพอ โดยการใช้งานแบบปุ่มก็ยังมีการแข่งขันระหว่างปุ่ม QWERTY ที่เหมือนคีย์บอร์ดขนาดเล็ก กับปุ่ม 12 ปุ่มแบบโทรศัพท์


ความสำเร็จของแต่ละแนวทางอาจต่างกันได้ในแต่ละภูมิภาคด้วย เช่นปุ่ม QWERTY กำลังขับเคี่ยวกับ Touchscreen ในอเมริกา แต่แนวทางปุ่ม 12 ปุ่มประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่น และแนวทางผสมผสานระหว่าง Touch screen กับปุ่ม 12 ปุ่มประสบความสำเร็จในยุโรป เอเชียและส่วนอื่นๆของโลกซึ่งมีความหลากหลายของภาษา


สิ่งที่กำลังเสื่อมความนิยม


ในขณะที่สองแนวทางหรือมากกว่าที่กำลังรอการตัดสิน แต่มีบางสิ่งในวงการ Smartphone ที่กำลังจางหายไปครับเช่น


Stylus


"ไม้จิ้ม" มีความเป็นมาคู่กับ PDA ครับ และในที่สุดก็มีความเป็นไปคู่กับ PDA นั่นคือกำลังหมดความนิยมไป และถูกแทนด้วยแนวทางของโทรศัพท์ในที่สุด แม้ว่า Touch screen จะยังคงอยู่ แต่การใช้ Touch screen ในยุคถัดมาก็เป็นการใช้ด้วยมือเปล่า ไม่ต้องอาศัย Stylus


แม้แต่ Non-phone device ยุคใหม่ ก็จะไม่เน้นการใช้งาน Stylus เช่นกันครับ


พร้อมๆ กับการจากไปของ Stylus ก็คือ การเขียนด้วยลายมือ ซึ่งถูกแทนด้วยการกรอกข้อมูลตามแนวทางของโทรศัพท์ แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาการเขียนด้วยลายมืออย่างประสบความสำเร็จเช่นญี่ปุ่น แนวทางนี้ก็ยังต้องหลีกให้กับการกดปุ่ม 12 ปุ่มเช่นกัน


WiMAX


ใน วันที่ 3G ยังเป็นวุ้นอยู่ เทคโนโลยีสื่อสารไร้สายความเร็วสูงที่ประสบความสำเร็จในเวลานั้นคือ Wireless LAN ซึ่งมีความเร็วสูงกว่าเทคโนโลยี 2.5G ในเวลานั้นอย่างเทียบกันไม่ได้ ด้วยความสำเร็จของ Wirless LAN ทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นไปเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมบริเวณกว้างมากขึ้นคือ WiMAX ซึ่งลักษณะการครอบคุลมของ WiMAX มีลักษณะที่ที่แข่งขันกับระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยตรง ทำให้มีแนวโน้มในขณะนั้นว่า หาก 3G พัฒนาได้ไม่เร็วพอ WiMAX จะกลืนโทรศัพท์มือถือไปในที่สุด โดยมีการสื่อสารในแบบ Voice Over IP บน WiMAX มาทดแทนในส่วนของการสนทนา


แต่จนแล้วจนรอด WiMAX ก็ยังไม่ได้เกิด ขณะที่ 3G ค่อยๆคืบคลานเข้ามา และในที่สุด 3G กำลังจะเกิดอย่างเต็มตัว และหมายถึงวาระสุดท้ายของ WiMAX ด้วย
แสดงถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มผู้ ผลิตโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายที่ยังคงเหนือกว่ากลุ่ม IT ในตลาดนี้ ซึ่งมีผลไปถึงความสำเร็จของ Smartphone ที่จะยังคงเป็นรอง Feature phone ต่อไป รวมทั้งในปีหน้าด้วย


เพราะ Feature phone เป็นของผู้ผลิตโทรศัพท์ แต่ Smartphone เป็นเรื่องของ IT


สิ่งที่ยังคงแทบไม่เปลี่ยนแปลง


ใน ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด มีบางอย่างที่ฝังรากลึกยากที่จะเปลี่ยนแปลงอยู่ด้วยครับ และอาจจะทำให้ปีหน้ายังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงมากอย่างที่คาดนั่นคือ


การใช้งานเน้นที่การสนทนา


แม้แต่ในตลาดที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกอย่างญี่ปุ่นและเกาหลี การใช้งานโทรศัพท์ก็ยังคงเป็นไปเพื่อการสนทนาเป็นหลัก แม้จะมีโทรศัพท์ระดับ 3G นานแล้วก็ตาม
คนญี่ปุ่นอาจจะใช้งาน Text message มาก แต่ก็เป็นไปเพื่อการทดแทนการสนทนาด้วยคำพูด เพราะมารยาทสังคมของญี่ปุ่นไม่นิยมให้คุยโทรศัพท์ในหลายพื้นที่ รวมทั้งในรถโดยสาร หรือความแออัดคับแคบของที่พักอาศัยในเมืองใหญ่ ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัว การสนทนาจึงถูกแทนด้วยข้อความในหลายสถานการณ์ แต่ก็ยังคงเป็นไปในลักษณะของการสนทนาเช่นเดิม


แม้ผู้ให้บริการในญี่ปุ่นจะบอกว่า จำนวนของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทางโทรศัพท์มือถือ ได้แซงหน้าการใช้งานอินเทอร์เน็ตทางสายเคเบิลไปแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นการใช้งานโดยมีคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ ไม่ใช่การใช้งานโดยมองที่จอโทรศัพท์ครับ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเครือข่ายสายเคเบิ้ลไม่ทั่วถึงเท่า และมีราคาแพงกว่า ตามแบบของประเทศที่มีระบบสื่อสารสมัยใหม่และมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งการวางสายเคเบิลมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการติดตั้งสถานีวิทยุ


โอกาสที่การสื่อสารข้อมูลจะเข้ามาแทรกในส่วนนี้ได้ก็แทบจะมีเพียงอย่างเดียวคือ Instant message ครับ และด้วยการช่วยเหลือของเทคโนโลยี GPS ตามที่ได้เรียนมาแล้ว ทำให้ Location-based service อาจจะมีช่องทางได้เกิด แต่อย่าเพิ่งคาดหวังมากครับ


แต่แรงต้านอันนี้ ไม่ขัดขวางการออกแบบรูปลักษณ์และ User Interface ซึ่งเราจะได้เห็นกันชัดเจนขึ้นในปีหน้า หากพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์ยังไม่เปลี่ยนไปจากการสนทนา ก็จะได้บทสรุปสำคัญของประวัติศาสตร์การสื่อสารเคลื่อนที่ว่า เป็นเครื่องมือสื่อสารด้วยการสนทนาพร้อมๆกับเป็นเครื่องหมายแสดงสถานะทางสังคม เหมือนกับที่รถยนต์ได้ทำหน้าที่นี้มาก่อนและไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอดเวลาร้อยปี และจากนี้ไปการออกแบบจะเน้นไปที่การตอบสนอง Life style ในด้านอื่นๆแทน


ครับ เช่นเดียวกับที่รถยนต์เป็นมา มันไม่ยอมบิน ไม่ยอมว่ายน้ำ แม้จะมีความพยายามให้มันทำ แต่รถยนต์จะวิ่งบนถนนเท่านั้น และทำหน้าที่อวดบารมีของเจ้าของไปพร้อมกับที่มันเดินทางบนล้อ


ปัจจัยด้านพฤติกรรมอันนี้ อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับปีนี้ครับ และหากบริการสื่อสารข้อมูลบนโทรศัพท์ เช่นการใช้งาน Internet บนจอเล็กไม่สามารถเกิดขึ้นและเป็นที่นิยมได้ในปีนี้ โทรศัพท์ก็จะยังคงเป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสารด้วยเสียงเป็นหลักต่อไป การสื่อสารข้อมูลบนโทรศัพท์ที่เป็นรูปธรรมที่สุดคือการนำไปใช้เป็น High Speed Wireless Modem บนเครือข่าย 3G ให้กับอุปกรณ์ในกลุ่ม Notebook ซึ่งในปีนี้ Solid-state Notebook ซึ่งมีราคาถูกกำลังประสบความสำเร็จอย่างมาก และการใช้งานโทรศัพท์ในแบบ Smartphone ก็จะลดบทบาทลงไป


ไว้ปีหน้าเราค่อยมาสรุปกันอีกทีครับ และหากปัจจัยนี้เป็นจริง เรื่องของ 4G จะเปลี่ยนไปอีกมาก


Windows Mobile


พอจะมองเห็นความเป็นไปของตลาดโทรศัพท์นะครับ และ Windows Mobile Phone ก็จะต้องตอบสนองกับวงการโทรศัพท์ไปตามนั้นด้วย นั่นหมายถึงว่า จะยังไม่น่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรในด้านของ Feature ของ Windows Mobile Phone มากนักในปีหน้า แต่จะเป็นไปในรูปของการออกแบบ วัสดุและการประกอบที่ประณีตขึ้น และอาจจะมี Feature ในเรื่องของ Location-based service เข้ามา เพราะ Windows Mobile เป็นระบบที่พร้อมสำหรับ Feature ใหม่ๆมากที่สุดในเวลานี้ จนกว่า Android จะปรากฏตัว


Windows Mobile 6 Second Edition?


แน่นอนว่า Microsoft จะออก Windows Mobile ตัวใหม่มาด้วย ซึ่งคาดหวังได้ว่าจะไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นมามากนัก เช่นเดียวกับสมัยที่ Windows Mobile 2003 ขยับขึ้นมาเป็น Windows Mobile 2003 Second Edition คือพัฒนาในส่วนของ User Interface เป็นหลัก


แต่ก็เช่นเดียวกับ WM2003SE ครับ ที่เป็นพื้นฐานของการพัฒนา Windows Mobile 5 ในเวลาต่อมาโดยที่มี User Interface ที่แทบไม่ต่างกัน ทำให้ Windows Mobile 6 ตัวใหม่ จะเป็นเพียงการตั้งหลักกับ User Interface แบบใหม่ ก่อนจะขยับต่อไปในส่วนของ Feature


ความที่ไม่แตกต่างจากเดิมมาก ทำให้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่น่าจะยังคงใช้รหัส Windows Mobile 6 อยู่เช่นเดิม และมี User Interface ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งทั้งจากค่าย IT ด้วยกันและคู่แข่งจากทางฟากผู้ผลิตโทรศัพท์


และด้วย Feature ที่แทบไม่ต่างจากเดิม กับพฤติกรรมของผู้ใช้ที่อาจจะไม่เปลี่ยนไป กระแสของผู้ใช้ได้ถอยห่างออกจาก Windows Mobile ไปแล้ว ทำให้การเติบโตของส่วนแบ่งตลาด และความนิยมใน Windows Mobile Phone ปีหน้าจะไม่มีอะไรหวือหวาครับ ออกจะไปทางพอเสมอตัว โดยปัจจัยสำคัญจะอยู่ที่ผู้ผลิตว่าจะผลิตโทรศัพท์ที่สวยเนี้ยบสมฐานะเจ้าของได้แค่ไหน


แต่หากพฤติกรรมของผู้ใช้เปลี่ยนไป และ Location-based service หรือบริการอื่นนอกจากการสนทนาได้เกิด งานนี้ก็คงได้คุยอะไรเยอะหน่อยในช่วงปลายปีหน้าครับ


Non-phone PDA


ปีหน้าจะเป็นปีที่ Non-phone device กลับเข้ามาครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็น PDA ที่ใช้งานเฉพาะด้าน เช่นใช้ในเชิงพานิชย์อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆตามร้านอาหาร คลังสินค้า ไปรษณีย์


สำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็จะได้พบในรูปของ Navigation GPS ครับ โดยทางค่าย Windows Mobile จะออกมาในรูปของ Pocket PC หรือไม่ก็ Windows CE device ที่ไม่ต้องมีโทรศัพท์ เพราะการใช้ Navigation GPS ที่เป็นโทรศัพท์ในตัวด้วยนั้น แม้จะทำงานได้โดยสมบูรณ์แบบก็มีความน่ารำคาญอยู่ในตัว และอาจจะขัดขวางการทำงานกันเอง เช่นการนำทางในที่คับขันแล้วมีสายเข้ามาขัดจังหวะ อาจทำให้พลาดจุดเลี้ยวและต้องเสียเวลาได้


GPS Pocket PC Phone จะไปทาง Location-based service และ Social network ตามที่เรียนไว้แต่แรกครับ


ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้ว Smartphone อาจจะต้องจากไปเพราะพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์ที่ลงตัวในด้านของการสนทนาเป็นหลัก แต่เครือข่าย 3G ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ค่าไปเสียทีเดียวครับ เพราะอย่างน้อยก็ยังใช้งานในฐานะของ Wireless high speed data communication





Windows Mobile และอุปกรณ์พกพาคงจะพัฒนาไปในแนวทางคล้ายๆกับ iPod คือสำหรับความบันเทิง หรือแบบ Communicator สำหรับการสื่อสารข้อมูลโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานอย่างโทรศัพท์ แต่ก็จะใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์สำหรับการสื่อสารข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพลงหรือสื่อบันเทิงผ่านเครือข่าย ใช้งาน Internet และอื่นๆ แต่อย่าเพิ่งคาดหวังมากในปีนี้เช่นกันครับ อุปกรณ์พกพา 3G ที่เป็น Non-phone ยังไม่น่าจะแจ้งเกิดในปีนี้ แต่จะมีแรงผลักดันออกมาสำหรับปีต่อไป


จาก PDA แยกชิ้นกับโทรศัพท์ มาสู่ Smartphone และ PDA Phone


ในที่สุด โทรศัพท์ที่เก่งขึ้นก็แยกตัวออกมาจากอุปกรณ์พกพาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ PDA


สรุป


อนาคตของ Windows Mobile ในปีหน้าค่อนข้างเงียบและไม่สดใสนักแม้จะไม่มีอุปสรรคสำคัญ ปัจจัยบวกที่สามารถจะเป็นไปได้ก็คือคุณภาพของผู้ผลิต และการตั้งราคาเป็นหลักครับ หากผู้ผลิตพัฒนาในด้านวัสดุกับคุณภาพของการประกอบ และ Windows Mobile 6 รุ่นต่อไปมี User Interface ที่ดี เราก็คงจะได้สนุกกับการติดตามเครื่องรุ่นใหม่ๆ คล้ายๆกับที่ติดตามโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆครับ ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องของ Feature หรือ Solution ใหม่มากนัก

Google และ Windows Mobile

หลังจากที่เป็นข่าวออกมาเกี่ยวกับโครงการ Android ของ Google และพันธมิตร ก็เป็นอันว่าปิดข่าวลือเกี่ยวกับโทรศัพท์ GPhone ไปครับ โดยที่ Android เป็นบริการรูปแบบต่างๆของ Google และพันธมิตร โดยจะเป็น Platform - ระบบปฏิบัติการ, ระบบสื่อสาร และชุดของ Application


แม้ข้อเท็จจริงจะออกมาเป็นว่าไม่มีโทรศัพท์ GPhone แต่เนื้อหายังคงเดิมครับ นั่นคือความพยายามที่จะสร้างโทรศัพท์ที่แตกต่างจากเดิม จากที่ผู้ใช้โทรศัพท์ส่วนใหญ่ ยังคงใช้โทรศัพท์เพื่อการสนทนาเป็นหลัก สะท้อนออกมาชัดเจนที่สุดในรูปแบบของค่าบริการในส่วนของการสนทนา

มีผู้ใช้โทรศัพท์กลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานหนุ่มสาว ที่เริ่มใช้โทรศัพท์ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปบ้างครับ ที่เห็นๆกันอันดับแรกเลยคือฟังเพลง ทำให้เราได้เห็นโทรศัพท์ที่มีหน่วยความจำขนาดใหญ่ไว้เก็บเพลงทีละมากๆ มีหูฟังดีๆ และสามารถเลือกใช้หูฟังได้หลากหลายให้สีสันของเสียงตามรสนิยมในการฟัง
อีกอันหนึ่งคือการมีกล้องถ่ายรูปติดโทรศัพท์ ซึ่งปัจจุบันโทรศัพท์ที่มีเลนส์ดีๆสามารถให้ภาพที่ดีเท่าๆกับกล้องถ่ายรูปขนาดเล็ก
แต่ผลกระทบในการใช้งานจากโทรศัพท์สมัยใหม่ยังไม่กว้างขวางนัก หลายคนยังไม่รู้วิธีการนำเพลงเข้าโทรศัพท์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่มีความเข้าใจในการใช้คอมพิวเตอร์บ้างก็สามารถนำเพลงเข้าไปเก็บในโทรศัพท์ได้ นำภาพถ่ายออกมาจากโทรศัพท์ได้ แต่การใช้งานก็ยังจบอยู่แค่นั้น
เพียงถ่ายเทข้อมูลระหว่างโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ และยังคงใช้โทรศัพท์เพื่อการสนทนาเป็นหลักตามเดิม ไม่ว่าจะใช้โทรศัพท์ที่ดูล้ำหน้าไปสักขนาดไหน ก็ยังแค่นี้





เราเชื่อว่า Android จะทำให้เราเข้าถึงบริการหลากหลายที่ต้องใช้บริการของการสื่อสารข้อมูลครับ และ Google คงจะคาดหมายว่า สิ่งเหล่านี้จะทำให้โทรศัพท์เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะน่าสนใจ ก็จะต้องตอบโจทย์สำคัญข้อแรกให้ได้ก่อน นั่นคือ ค่าใช้จ่ายด้านบริการสื่อสารข้อมูล

ถึงแม้ว่าวันนี้ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ Android แต่ Pocket PC Thai dot Com ซึ่งติดตามปรับปรุงบริการ Online บน Pocket PC มาอย่างต่อเนื่อง ได้สังเกตพบบริการใหม่ๆของ Google ที่นำเสนอเข้ามาในช่วงนี้อย่างรวดเร็วและน่าสนใจครับ บริการเหล่านี้ใช้ได้แล้วบน Windows Mobile Pocket PC
เรามาดูกันครับ ว่าวันนี้ Google มีอะไรสำหรับ Windows Mobile Pocket PC บ้าง และภาพรางๆของ Android ว่าจะเป็นอย่างไร

เรื่องเหล่านี้เริ่มขึ้นมาเมื่อ Google เข้าซื้อกิจการชื่อ Android อย่างเงียบๆ และหากถามว่า Android พัฒนาเทคโนโลยีอะไร คำตอบก็ยังกำกวมเพียงแค่ว่า "Android มีเทคโนโลยีที่น่าตื่นใจ" แค่นั้นเอง และหากวันนี้เราลองไปที่เว็บ http://www.android.com เราจะถูก Redirect ไปที่เว็บ http://www.openhandsetalliance.com/ ที่กำลังเป็นข่าวเกี่ยวกับโครงการ Android ในเวลานี้ครับ และจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ ข้อมูลจากเว็บดังกล่าวที่ว่า Android ทำอะไรบ้างก็ยังคลุมเครือ
ไม่กี่วันก่อนที่ Google จะซื้อ Android เจ้าหน้าที่ของ Google ได้เปรยๆเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่รู้พิกัดตำแหน่งของตัวเองและมีข้อมูลความต้องการ ความชอบของลูกค้า ฟังแล้วคล้ายๆกับไอเดียของ Location-based services (LBS) ใช่มั้ยครับ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน Google ก็เริ่มเข็นบริการบนโทรศัพท์ออกมา แน่นอนครับ บริการแรกๆคือ Search engine อันมีชื่อเสียงนั่นเอง

หากมองในแง่ของระบบปฏิบัติการ Android เป็น Linux สายพันธ์หนึ่งครับ เป็น Linux ที่ออกแบบมาให้ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในโทรศัพท์ให้นักพัฒนาได้เรียกใช้ฟังก์ชั่นต่างๆที่เกี่ยวข้องได้โดยสะดวก
จากข้อมูลในเว็บ Open Handset Alliance ดูค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับ Location based services ครับ ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะจากนี้ไป โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆจะมี GPS มาในตัว และคำนวนพิกัดได้แม้จะอยู่ไต้ชายคา ด้วยการใช้ข้อมูลจากเครือข่ายโทรศัพท์มาเสริม ซึ่งจะมีความเป็นไปได้ของบริการใหม่อีกหลากหลาย เช่นบอกเราได้ว่า เพื่อนที่มีรายชื่ออยู่ใน Contacts ของเรา กำลังอยู่ในอาคารเดียวกับที่เราเดินอยู่
คงถูกใจคนเพื่อนเยอะครับ

ลองเอา Pocket PC Phone ของเพื่อนๆเปิดไปที่หน้า http://www.pocketpcthai.com/info แล้วเลื่อนลงไปที่ Google Mobile Products ครับ เราจะได้พบกับบริการที่น่าสนใจจาก Google และพอมองเห็นสิ่งที่โทรศัพท์ยุคใหม่จะมาใช้ประโยชน์จากบริการเหล่านี้








Search


บริการที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Google ขนานแท้ สำหรับบน Windows Mobile หากเราเลือกให้ค้นหาในหน้า Mobile (เคลื่อนที่) ผลที่ได้จะออกมาเป็นเว็บที่ออกแบบมาสำหรับจอเล็กครับ


Maps




หากเราเลือก Download ก็จะเป็นการติดตั้งโปรแกรม Google Maps สำหรับ Pocket PC ครับ แต่หากไม่ Download ก็จะเป็น Web-based ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรในบ้านเราให้ค้นหา






ก็เลยทดลองกรอกข้อมูลสถานที่ในอเมริกามาเป็นตัวอย่างครับ ยังไม่ถึงกับเป็นแผนที่นำทางจริงจังอะไร แค่แนะนำเส้นทางเท่านั้น แต่จากอัตราการพัฒนาที่รวดเร็วของ Google ก็ต้องบอกว่าอีกไม่นาน Google จะมีความพร้อมด้าน Navigation และ Location based services ได้ไม่ยากครับ


Gmail



ใครที่ใช้ Gmail แบบ Web-based จะเห็นว่า Gmail แบบ Web-based บนจอเล็กก็คล้ายๆกันครับ คือจะจัด Email ตามการสนทนา คือถ้าเรายังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ Gmail ก็จะจัด Email โต้ตอบให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันเพื่อความต่อเนื่องในการติดตามอ่าน
หากเราเลือก Download ก็จะเป็นโปรแกรมบน Java ครับ สำหรับรับ-ส่ง Email ในรูปแบบที่จัดตามหัวเรื่องการสนทนาเช่นเดียวกัน


ภาพถ่าย



Google มีโปรแกรมชื่อ Picasa สำหรับจัดการเรื่องภาพถ่าย ตั้งแต่ดึงออกมาจากกล้องถ่ายรูปมาจัดอัลบัมบนคอมพิวเตอร์ แล้วก็ Upload ขึ้นไปเป็น Web album ไว้ดูกันออนไลน์ไม่ต้องหอบหิ้วเอารูปภาพไปกับตัว และสำหรับบน Windows Mobile ก็มีให้เปิดดูครับ ไม่ต้องเอารูปใส่เครื่องไว้
อันนี้ผมชอบมาก เพราะมีรูปถ่ายของที่บ้านไว้ดูได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหน
และหากที่บ้านเขาถ่ายรูปมาเพิ่ม ผมก็เปิดดูได้เลย ไม่ต้องกลับบ้านเพื่อไปโหลดใส่เครื่อง


Google Reader





เพียงกำหนดไว้ที่ Google Reader ไว้อ่านบน PC (http://www.google.com/ig) เราก็จะได้เอามาอ่านบน Pocket PC ด้วยครับ
การควบคุมก็สะดวกและคาดว่าอีกหน่อยบริการทั้งหมดของ Google จะใช้การควบคุมแบบนี้ด้วย คือแต่ละ Link จะมีตัวเลขกำกับ เราจะแตะที่ลิ้งค์นั้นก็ได้ หรือจะเพียงใช้ปุ่มตัวเลขบนโทรศัพท์ก็ได้


หากเราเลือก See original ก็จะเปิดหน้าเว็บเลย โดยผ่านกลไกการย่อเว็บของ Google



การย่อเว็บของ Google นี่จัดว่าดีที่สุดอันหนึ่งของวงการเลยครับ ดูจากเว็บ Pocket PC Thai dot Com ของเพื่อนๆก็ได้ เว็บโตๆเอามาดูบนจอเล็กๆได้โดยไม่รู้สึกรำคาญหรือลำบาก


Google News

ยังเป็นข่าวของที่อเมริกาเป็นหลักครับ


Google Calendar

อันนี้ยังไม่มีอะไรเด่น ยังดูไม่ค่อยสะดวกอะไรครับ เข้าใจว่ายังอยู่ในช่วงพัฒนาเพื่อให้ใช้งานได้จริงจังกว่านี้


Google Docs






นี่เป็นแนวโน้มใหม่ของวงการซอฟต์แวร์นะครับ เป็น Web application คือโปรแกรมจะทำงานบน Web browser ไม่ต้องเอามาติดตั้งบนเครื่องของเรา
ปัจจุบัน Google มีโปรแกรมในกลุ่ม Office ให้ใช้ ทั้ง Word Processor, Spreadsheet และ Presentation โดยที่ไม่ต้องติดตั้งลงในเครื่อง
ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาครับ ตัวที่ใช้บนคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานพื้นๆได้แล้ว (บทความนี้ก็เขียนด้วย Google Docs) แต่สำหรับบน Windows Mobile ยังใช้ได้แค่ดูเอกสาร

แม้ว่าบริการต่างๆของ Google และสิ่งต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ Android จะน่าสนใจและดูทรงพลัง แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริงตอนนี้ก็คือ คำตอบให้กับผู้ใช้ว่าเขาจะเสี่ยงกับค่าบริการที่คิดไม่ถึง กับบริการที่สามารถจะทำให้พวกเขาเพลิดเพลินจนกระเป๋าฉีกหรือเปล่า แต่ Google ถนัดธุรกิจสื่อและโฆษณาอยู่แล้ว บริการเหล่านี้อาจจะเป็นสื่อโฆษณาอย่างหนึ่ง และนอกจากบริการที่ฟรีแล้ว มีโอกาสที่ Google จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เพื่อทำให้บริการสื่อสารข้อมูลกลายเป็นบริการฟรีด้วยเช่นกัน เพื่อผลักดันให้ Android ได้แจ้งเกิด


Google วางแผนจะเปิดตัวกับผู้พัฒนาในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ไม่ใช่การเปิดตัวโทรศัพท์แบบใหม่ ซึ่งหมายความว่าอย่างมากก็จะมี Application ตัวอย่างออกมาให้ดูกัน แต่ตัว OS จริงๆตามระยะเวลาที่ควรจะเป็นก็จะต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งปีจึงจะมีโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการนี้ออกมา

โทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์ไอทีที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมไอที ใครที่เปลี่ยนแปลงวงการนี้ได้ย่อมกลายเป็นยักษ์ใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ระยะเวลาหนึ่งปีเป็นช่วงเวลาที่นานมากสำหรับวงการนี้ ระหว่างนี้ยังมีโอกาสอีกมากที่หลายอย่างจะเปลี่ยนไป
หากวันที่ 12 พฤศจิกายนเป็นการเปิดตัวของ GPhone เรายังพอมองเห็นภาพของวงการโทรศัพท์ที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นเต้น แต่หากเป็นอีกหนึ่งปี เราไม่แน่ใจว่า Google จะก้าวกระโดดได้อย่างใจหรือเปล่า

นอกจากบริการต่างๆของ Google แล้ว ในวันนี้ยังมีบริการหลากหลายจากผู้พัฒนาอื่นๆให้เราใช้งาน Pocket PC อีกมากครับ และ Pocket PC Thai dot Com จะรวบรวมมาให้เพื่อนๆได้เรียกใช้กันสะดวกๆที่ http://www.pocketpcthai.com/info และจะมีบทความแนะนำบริการเหล่านี้ออกมาเรื่อยๆครับ

จะซื้อ Pocket PC สักเครื่อง เอารุ่นไหนดี

คำถามนี้มีมาทุกสมัยนะครับ คำตอบยังคล้ายๆกันก็คือ จะตอบได้ก็คงต้องสอบถามกันเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ว่าคาดหวังว่าจะเอาไปทำอะไร


ที่แน่ๆ คำตอบเดิมคือ ไม่มีรุ่นไหนยี่ห้อไหนที่ดีที่สุด เพราะถ้ามีได้จริงๆ ยี่ห้ออื่นรุ่นอื่นก็จะเลิกผลิตหมดครับ ขายไม่ได้ แล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้อีก
ขอตอบคำถามนี้โดยอาศัยข้อมูลของ Pocket PC Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 6 นะครับ

สำหรับช่วงปี 2550 - 2551 นี้ คำตอบคงจะเจาะจงเพิ่มเติมลงไปจากปีก่อนๆอีกหน่อยครับ
เพราะวันนี้ พอถามถึง Pocket PC ก็คงต้องหมายถึง Pocket PC Phone เนื่องจาก Pocket PC PDA แทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
และเพราะโทรศัพท์วันนี้ มีความสามารถเพิ่มเติมจากเดิมมา อย่างเบาะๆก็ฟังเพลงได้ ถ่ายรูปได้


ดังนั้น อันดับแรกเลย หากสนใจโทรศัพท์ฟังเพลงได้ ถ่ายรูปได้ อย่าเพิ่งสนใจ Pocket PC ครับ เพราะแพงเปล่าๆ ทำงานได้พอๆกัน

เรื่องถ่ายรูป โทรศัพท์บางยี่ห้อมีเลนส์ดีๆ อย่างของ Carl Zeiss ให้ใช้ ภาพที่ออกมาเรียกว่า กล้องดีๆนี่เอง ขาดไปก็แค่ Socket สำหรับติดขาตั้ง
คุณภาพของภาพ มาจากคุณภาพของเลนส์นะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับจำนวน Pixel
ไอ้พวกที่คุยเรื่องจำนวน Pixel มันพวกผู้ผลิตทีวี ตู้เย็น ริอ่านจะมาผลิตกล้อง ไม่มีอะไรจะมาคุย เท่านั้นเองครับ
หากเน้นฟังเพลง มองหาโทรศัพท์ที่ออกแบบมาสำหรับฟังเพลงครับ จะมีหน่วยความจำ Flash ที่มากกว่า แล้วก็มีโปรแกรมช่วยโหลดเพลงเข้าเครื่องที่ใช้สะดวกกว่า
เพราะ Pocket PC มี Media Player ที่ค่อนข้างโหลยโท่ย (ใช้งานได้ดี แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้เล่น) เวลาโหลดเพลงก็ออกจะยุ่งๆ
ต้องรอให้โดนนำหน้าไปไกลอีกหน่อยครับ ถึงจะมีอะไรดีๆออกมาให้เล่น เหมือน Pocket PC นี่แหละ ตอนแรกก็เป็นรอง พอโดนหนักๆเข้าก็เลยต้องขยับตัวขึ้นมานำเขา


ในด้านของความเป็นโทรศัพท์ วันนี้ Pocket PC มีความไวสัญญาณพอๆกับโทรศัพท์ทั่วไป ไม่ต้องห่วงว่าจะใช้โทรศัพท์ได้ไม่ดีเท่าครับ
แต่ Pocket PC ส่วนใหญ่ จะไม่มีปุ่มแบบโทรศัพท์ ต้องใช้จิ้มๆที่จอเอา
ความแตกต่างอันแรกมันอยู่ตรงนี้ครับ
การแตะที่จอ ขาดความรู้สึกของการกดปุ่ม จึงใช้การคลำเอาไม่ได้ ต้องมองเห็นจอด้วย ต้องละสายตามามอง

ถ้าผ่านข้อนี้มาได้ ต่อมาก็ไม่มีอะไรใหม่ เราตั้ง Speed Dial ไว้กดปุ่มตัวเลขค้างไว้ให้ต่อสายสำคัญได้ เหมือนโทรศัพท์ทั่วไป
อันนี้หากเป็นรุ่นที่มีปุ่มแบบโทรศัพท์ ก็ผ่านไปครับ การใช้งานแทบจะเหมือนกับโทรศัพท์ทั่วไป

การใช้งานจะต่างจากโทรศัพท์ทั่วไปตรงที่ โทรศัพท์ทั่วไปจะมีลำดับเมนูสั่งงานโดยตรง แต่ Pocket PC ใช้คำสั่งคล้ายกับบนคอมพิวเตอร์ คือเรียก Start -> Programs ..... ไปตามลำดับ
คือสั่งงานแบบคอมพิวเตอร์ครับ ถ้าคุ้นกับการใช้คอมพิวเตอร์อยู่แล้วก็ไม่รู้สึกยากอะไร แต่ถ้าไม่คุ้น จะรู้สึกยุ่งๆ

Pocket PC มักจะไม่ค่อยสนใจข้อมูลใน SIM เท่าไหร่ คือจะใช้ข้อมูลในตัวเครื่องแทน ไม่ว่าจะ Contacts, SMS
ปกติเราใช้โทรศัพท์ ก็มักจะเก็บอะไรต่อมิอะไรไว้ใน SIM เผื่อไว้ว่าหากกดเปลี่ยนเครื่อง ก็แค่ถอด SIM ออกไป ข้อมูลอยู่ครบ
พอมาใช้ Pocket PC เลยชักยุ่ง อย่าง SMS เนี่ย ไม่มีอ่านจาก SIM เลยครับ
การใช้งานข้อมูลในตัวเครื่อง มีข้อดีที่เก็บรายละเอียดได้ดีกว่า เช่นชื่อหนึ่งใส่เบอร์ได้หลายๆเบอร์ รวมทั้ง Email และข้อมูลอื่นๆด้วย
และเก็บได้เยอะ ไม่จำกัด ไม่ใช่แค่ 250 เบอร์เหมือนใน SIM
โทรศัพท์เก่งๆสมัยใหม่ก็เป็นแบบนี้หมดแล้วนะครับ คือเก็บในเครื่องได้ละเอียดกว่า และมากกว่า
อ้าว แล้วทีนี้พอจะเปลี่ยนเครื่อง จะถ่ายข้อมูลมาลงเครื่องไหม่ยังไง
วิธีคือ เขาใช้ Sync เอาครับ ติดตั้งโปรแกรมสำหรับ Sync แล้วก็ Sync ข้อมูลไว้กับ Outlook (ส่วนมากใช้ตัวนี้) บนคอมพิวเตอร์
เวลาเปลี่ยนเครื่อง ก็ใช้ Sync นี่แหละครับ คือใช้คอมพิวเตอร์เป็นแหล่งข้อมูลกลาง

ดังนั้น ถ้าไม่ต้องการ Sync ข้อมูล ก็อย่าเพิ่งพิจารณา Pocket PC ครับ
และคงไม่ต้องพิจารณาโทรศัพท์เก่งๆอีกหลายรุ่น เพราะใช้วิธีนี้เหมือนกัน ใช้แต่เบอร์ใน SIM จะมีขีดจำกัดเรื่องรายละเอียดครับ อย่างเก็บ Email address ก็ต้องเก็บในเครื่อง
ยกเว้นว่าจะไม่ใช้ Email (แล้วจะเอามาใช้อะไรมั่งล่ะครับเนี่ย ที่มันเก่งกว่าโทรศัพท์ธรรมดา)

นั่นเป็นส่วนของความเป็นโทรศัพท์ที่แตกต่าง ซึ่งจะคล้ายๆกับโทรศัพท์เก่งๆ

สิ่งที่ Pocket PC ทำได้ดีกว่าโทรศัพท์ทั่วไป ถ้าใครชอบใช้ หรืออยากใช้โทรศัพท์ทำกิจกรรมพวกนี้ ก็น่าจะพิจารณา Pocket PC ครับ
SMS
นวดๆปุ่มโทรศัพท์กว่าจะได้ SMS สักข้อความ แต่ถ้าเป็น Pocket PC สะดวกกว่ากันพอสมควรครับ จิ้มๆบนจอ
จอใหญ่กว่าด้วย มองข้อความยาวๆได้สะดวกกว่า

Email
ไม่ว่าจะ Hotmail, Yahoo! mail, Gmail หรือ POP3 Mail อื่นๆก็ใช้ได้สะดวกบน Pocket PC ครับ การตั้งค่าสะดวก ใช้งานได้ครบถ้วนทั้งส่งข้อความ, แนบไฟล์ แต่จอเล็กหน่อย
แล้วยังมี Email บางแบบเช่น Hotmail, Yahoo! (อีกหน่อย Gmail คงทำด้วย) ที่เมื่อตั้งค่าตามข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละเจ้า จะกลายเป็น Push Email ซึ่งก็คือ Email ดีๆนี่แหละ แต่พอมีคนส่งมาปุ๊บ มันก็จะมาร้องเรียกเราปั๊บ เหมือนกับ SMS
เรียกว่าเอามาแทน SMS เลยก็ยังไหว รวดเร็ว แล้วก็ครบถ้วน แนบไฟล์ได้เหมือน Email

MSN
ใครที่เล่นเอ็มเป็นประจำ จะรู้สึกสะดวกที่ได้พกเอ็มติดตัวครับ
แล้วจะกรอกข้อมูลยังไง
อันนี้ไม่ยากครับ ก็แตะจอ กรอกข้อมูลตัวอักษร
แต่ช้าก่อน มาแตะๆจอคงยุ่งพิลึก มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
Pocket PC Phone ที่ใช้ Windows Mobile 6 จะมีคำสั่งใน MSN ให้เราส่ง Voice clip ได้ครับ
คือส่งเสียงพูดเราเลย ไม่ต้องแตะจอให้วุ่นวาย
ส่วนอีกปลายทางหนึ่ง เขาจะส่ง Voice clip ตอบมา หรือจะพิมพ์ตอบมา ก็แล้วแต่เขา ได้ทั้งนั้นครับ
ใช้กันจริงๆ ก็จะทดแทนการใช้งานโทรศัพท์ได้หลายกรณี

ดูข้อมูลไฟล์ Office
เน้นที่ "ดู" นะครับ จะเอาไว้กรอกข้อมูล เอาไว้จัดหน้า ฯลฯ อย่างคอมพิวเตอร์เลยนั้นคงยากหน่อย เพราะจอมันเล็กมาก
คือเอาไว้ดูจะพอไหว เช่นอ่านเอกสาร ดู PowerPoint หรือเอาไว้ร่างเอกสาร เอาแค่เนื้อหา แล้วไปจัดหน้ากันบนคอมพิวเตอร์อีกทีมากกว่า
นอกจากไฟล์ Office แล้ว Pocket PC ยังมีโปรแกรมหลากหลายที่ใช้งานกับไฟล์เอกสารบนคอมพิวเตอร์รูปแบบอื่นๆ เช่น PDF กระทั่งไฟล์ AutoCAD ครับ

ดูหนัง
จริงๆไม่ค่อยอยากบอกว่ามันเป็นจุดเด่น เพราะยังไงๆก็จอเล็กกว่าพวกเครื่องดูหนัง แต่ไปๆมาๆกลายเป็นใช่ ความที่รองรับไฟล์รูปแบบต่างๆได้หลากหลายกว่าเพื่อนน่ะครับ ไฟล์ภาพยนต์เกือบทุกแบบสามารถหาโปรแกรมมาเล่นบน Pocket PC ได้
นอกจากใช้กับไฟล์ได้หลากหลายรูปแบบแล้ว ความที่มีรุ่นให้เลือกมาก เลือกรุ่นแรงๆมาเล่นไฟล์ที่กินกำลังเครื่องได้ หากเราจะเอามาดูหนังกันในระหว่างเดินทางบ่อยๆ
Pocket PC บางรุ่นยังมีจอภาพระดับ VGA (640 x 480) ด้วยครับ ให้ภาพที่คมสวยกว่า

Synchronization
เพิ่งเขียนถึงในตอนต้นบทความ การ Sync นอกจากจะเป็นการสำรองข้อมูลไว้ที่ส่วนกลางแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่มีโทรศัพท์มากกว่าหนึ่งเครื่องด้วย
ลองนึกถึงว่า โทรศัพท์ของเรากี่เครื่องๆก็ Sync กับคอมพิวเตอร์นะครับ เราเปลี่ยนแปลงข้อมูล Contacts ในเครื่องหนึ่ง พอจับแต่ละเครื่องมา Sync กับส่วนกลาง ก็จะทำให้เครื่องอื่นๆได้ข้อมูลใหม่ไปด้วย ไม่ต้องมากรอกเองทีละเครื่อง
การ Sync จะสะดวกขึ้นไปอีก หากเราใช้วิธี Sync over the air คือแต่ละเครื่องจะ Online ผ่านบริการสื่อสารข้อมูล พอเครื่องหนึ่งปรับปรุงข้อมูล เช่นกรอกรายชื่อใหม่ หรือแก้ไขเบอร์ พอบันทึกปุ๊บ เครื่องอื่นๆก็จะเปลี่ยนตาม ไม่ต้องกลับมา Sync กับคอมพิวเตอร์ก็ยังได้

Online services

บอกไม่ถูกเลยว่าอะไรบ้าง ลองหาดูได้จาก http://www.pocketpcthai.com/info
เช่น
อัลบัมรูป แบบ Online ไม่ต้องบรรทุกรูปใส่ไว้ในเครื่อง ให้ลูกน้องหรือแฟนมา Update จากคอมพิวเตอร์ให้เรา เขา Update เราก็เปิดดู อยู่คนละประเทศก็ยังได้ หรือจะใช้ตอนเดินทางไปเที่ยว ถ่ายรูปเสร็จก็ Upload ขึ้นมาให้คนที่บ้านได้ดูกันโดยไม่ต้องรอเรากลับ
วิดิโอคลิปจาก YouTube ซึ่งบางอันต้องเรียกว่าหนังสั้น เพราะยาวร่วมๆชั่วโมงก็มี
บล็อก บางที่เช่น MSN Live, BlogSpot, FaceBook เขาจัดหน้าสำหรับดูบนจอขนาดเล็กไว้ให้เราได้อ่านบล็อกโปรดทาง Pocket PC
บางบล็อกให้เรา Post ได้จาก Pocket PC โดยตรง
ดูทีวี ฟังวิทยุ อาจจะดูไม่เห็นจะแปลก เครื่องรับวิทยุเล็กๆก็ทำได้
แต่ถ้าเกิดเราไปต่างจังหวัดล่ะ หรือไปต่างประเทศ สถานีเขากระจายเสียงไปไม่ถึง ก็ต้องอดฟัง อดดูหรือเปล่า
ไม่ต้องห่วงครับ ก็เราดู เราฟัง ผ่านบริการสื่อสารข้อมูล อยู่ที่ไหนก็ไม่พลาดรายการโปรด ขอให้มีบริการสื่อสารข้อมูลเถอะ ขับรถจากเชียงรายลงปัตตานี ฟังวิทยุสถานีเดียวไปตลอดทางก็ยังได้ ขอให้เขากระจายเสียงทาง Internet เถอะ เพราะเดี๋ยวนี้ระบบสื่อสารมีตลอดทางสายหลักๆ


แต่ที่แน่ๆ ความสามารถพวกนี้ ต้องอาศัยบริการสื่อสารข้อมูล การใช้งาน Pocket PC ให้เต็มที่จึงควรเลือกใช้แพคเกจสื่อสารข้อมูลที่เหมาะสมด้วยครับ
หากใช้กันจริงๆ Online กันตลอดเวลา ก็ใช้แบบ Unlimited ครับ แล้วจะได้ใช้ระบบสื่อสารที่ทำให้การโทรศัพท์ เหลือแค่การรับสาย
ก็ตอนติดต่อชาวบ้าน ใช้ Email มั่ง ใช้ MSN มั่งไงครับ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอยู่แล้ว จ่ายเหมา
ผมเอง บิลค่าโทรศัพท์มาถึง ส่วนที่เป็นค่าบริการสื่อสารข้อมูล แต่ละเดือนฟาดเข้าไปเป็นหมื่น แต่ไม่ต้องจ่าย เพราะจ่ายเหมาไปแล้ว
แต่ค่าโทรเหลือแค่สองร้อยกว่าบาท ดูแล้วกระจอกจัง
ใช้ให้เป็น จะมีค่าใช้จ่ายต่ำมากครับ แต่สะดวก ติดต่อได้รอบด้าน
จึงเหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมจะใช้งานระบบสื่อสารข้อมูล

อันนี้ว่ากันแค่ความสามารถพื้นๆ ที่ Windows Mobile 6 Pocket PC Phone ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็ทำได้ครับ เลือกรุ่นถูกที่สุดก็ยังได้ เป็นความสามารถพื้นฐาน ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรเพิ่มเลยก็ทำได้อยู่แล้ว

สำหรับรุ่นที่เก่งขึ้นไปอีก ก็อาจจะมีความสามารถพวกนี้เพิ่มเข้ามาครับ
แรงขึ้น พวกนี้ใช้ CPU ที่แรงกว่า หรือมีหน่วยความจำมากกว่าเครื่องรุ่นพื้นๆ ความสามารถอื่นๆไม่ต่างกับเครื่องรุ่นพื้นๆ แต่ทำงานเร็วกว่า วิ่งโปรแกรมหนักๆได้ดีกว่า แบบนี้ก็เลือกเอารุ่นที่ใช้ CPU แรงๆอย่างของ Intel, Marvell, Samsung ครับ เอาหน่วยความจำ RAM ไม่น้อยกว่า 64 MByte และ ROM ไม่น้อยกว่า 128 MByte ครับ
Wireless LAN สำหรับบริการสื่อสารที่เร็วยิ่งกว่าบริการบนเครือข่ายโทรศัพท์ แต่เปลืองไฟ ถ้าจะใช้ Wireless LAN ด้วยก็ควรจะเลือกรุ่นที่มี Wireless LAN ในตัวเลย อย่าไปหา Wireless LAN Adapter เอาดาบหน้า
GPS กับโปรแกรมแผนที่นำทาง ไว้ช่วยงานนักเดินทาง โดยเฉพาะนักเดินทางที่มีที่หมายไม่ซ้ำที่เดิม เส้นทางแตกต่างกันไปได้ทุกวัน มีไว้ไม่ต้องกลัวหลง อาจจะอ้อมบ้าง แต่ถึงแน่ มาช้ายังดีกว่าไม่มา ทางเลือกของ GPS ก็คือ เลือกรุ่นที่มี GPS มาในตัวเลย สอบถามด้วยว่า มีโปรแกรมแผนที่ของยี่ห้อไหนแถมมาด้วย แล้วลองอ่านที่หน้า Reviews นะครับ ว่าโปรแกรมแผนที่นำทางตัวไหนที่ถูกใจเรา
อีกทางหนึ่งคือ ไม่ต้องหารุ่นที่มี GPS ในตัว แต่มาหา Bluetooth GPS เพิ่มเติม ตอนหา Bluetooth GPS ต้องดูด้วยนะครับว่า มีโปรแกรมแผนที่นำทางให้เราด้วยหรือเปล่า
กล้อง Auto Focus ภาพจะชัดได้ ไม่ได้อยู่ที่จำนวน Pixel แต่อยู่ที่เลนส์ เลนส์แบบ Auto Focus จะปรับความชัดของภาพทุกครั้งที่เราถ่ายรูป ให้ภาพอยู่ในระยะโฟกัสทุกเฟรม
เอาไว้เก็บข้อมูล คำนี้ได้ยินบ่อยมากอีกคำหนึ่งครับเวลามีคนถามเกี่ยวกับจะซื้อ Pocket PC รุ่นไหนดี คำตอบหนึ่งที่ได้คือ "เอาไว้เก็บข้อมูล"
คำนี้พูดง่ายแต่เข้าใจยากนะครับ ว่าเก็บข้อมูลอะไร เอาไว้ใช้ยังไง
แต่ถ้าหมายความว่า เอาไว้เก็บข้อมูลพกพาไปไหนต่อไหนเหมือนกับ Thumb drive ถ้าแบบนี้ก็ต้องเลือกเอารุ่นที่ใช้งานเป็น Flash card reader ได้ครับ คือต่อสายกับคอมพิวเตอร์ แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะมองเห็นข้อมูลใน Memory card ในเครื่องได้


ถ้าเราใช้หรือคาดว่าจะใช้ความสามารถที่มีอยู่ใน Pocket PC ก็ควรพิจารณา Pocket PC ครับ
แต่ถ้าเราใช้โทรศัพท์แค่ต่อสายรับสาย เอา Pocket PC ไปก็รังแต่จะเป็นภาระ
แต่สำหรับบางคน เอาไว้ประดับบารมี ใช้หรือไม่ใช้ ไม่เป็นประเด็น อันนี้ก็คงไม่ต้องทนอ่านบทความมาจนถึงตอนจบนี้ครับ

ติดตามเพื่อน หรือยานพาหนะ ด้วย Trackr

คงมีหลายครั้งใช้มั้ยครับ ที่เราอยากรู้ว่า เพื่อนของเราอยู่ที่ไหน


วันนี้เรื่องของ GPS กำลังใกล้ตัวเข้ามาเรื่อยๆครับ อีกไม่นานโทรศัพท์ทุกเครื่องก็จะมีความสามารถของ GPS อยู่ในตัว เราคงได้เห็นบริการต่างๆที่เกี่ยวกับ GPS อีกมาก





สำหรับคราวนี้ เรามาดูบริการหนึ่งเกี่ยวกับ GPS ที่น่าสนใจกัน


หลายๆท่านคงเคยอยากรู้ ว่าตอนนี้เพื่อนๆเราอยู่ที่ไหน คราวนี้เรามี Solution หนึ่งมาเสนอครับ ด้วย GPS Pocket PC Phone แล้วก็การเชื่อมต่อกับ Internet จากนั้นเราก็สามารถจะบอกตำแหน่งแห่งที่ของเราให้เพื่อนๆได้รู้


และเป็นบริการฟรีครับ


Trackr เป็นบริการบนเว็บ ซึ่งใช้ดูได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์บ้าน และบน Pocket PC Phone โดยผู้ถือ GPS Pocket PC (หรืออาจจะติดตั้งไว้ในรถ สำหรับการติดตามยานพาหนะ) จะติดตั้งโปรแกรม Trackr ไว้ และยินยอมให้ติดตามตัวได้ จากนั้น GPS Pocket PC Phone จะรับข้อมูลจากดาวเทียมและคำนวนพิกัดตามปกติ จากนั้นก็ล่งไปที่ Server ของ Trackr ทาง Internet


เมื่อพิกัดของ GPS Pocket PC Phone ไปอยู่บน Server แล้ว เพื่อนๆที่ผู้ถือ GPS Pocket PC Phone เครื่องนั้นยินยอมให้ติดตามข้อมูล ก็สามารถเปิดไปที่เว็บ Trackr เพื่อดูตำแหน่งของ GPS Pocket PC Phone ได้ครับ โดยปรากฏบนแผนที่ของ Google Maps





เริ่มด้วยไปที่เว็บของ Trackr กันก่อนครับ ที่ http://www.trackr.eu/ เพื่อสร้าง Account ของเรา ขั้นตอนง่ายๆและฟรีครับ





จากนั้นก็จัดการ Download เอาโปรแกรมมาติดตั้งลงใน GPS Pocket PC Phone ของเรา


อ้อ ควรจะตั้งค่าของ Connunications ไว้แล้วและใช้งานได้ตามปกตินะครับ เพราะ Trackr จะใช้ทั้ง GPS และบริการสื่อสารข้อมูล






ติดตั้งโปรแกรมเสร็จ เราก็กำหนด Account ของเราที่ทำไว้ที่ Trackr ครับ





ตั้งค่าของ COM Port ที่ GPS Pocket PC Phone ของเราใช้ ตามรูปนี้เป็นของ ASUS P526 ครับ





แล้วก็กำหนดให้เราส่งตำแหน่งสดๆของเราให้กับ Server ซึ่งตามปกติจะส่งทุกๆหนึ่งนาที


พร้อมแล้วครับ เราก็จัดการ Start GPS ได้เลย จากนี้เครื่องของเราจะส่งพิกัดไปสู่ Server ทุกๆนาที





ระหว่างที่ส่งพิกัดนี้ เครื่องจะไม่ปิดนะครับ หากไม่ได้ใช้งานอย่างอื่น ก็แนะนำว่าดับจอไว้จะได้ไม่เปลืองไฟมาก แต่ถ้าจะให้ดีหากเราจะใช้นานๆ ก็ควรต่อกับแหล่งจ่ายไฟไว้


จากนี้เราสามารถมองหาตำแหน่งของเราได้จากเว็บ Trackr แล้วครับ มีตำแหน่งบนแผนที่ เวลาที่ได้รับตำแหน่งนั้น ทิศทางและความเร็วของการเคลื่อนที่


เราสามารถให้เพื่อนเรามาสมัครเป็นสมาชิก Trackr ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมี GPS ใช้ก็เข้ามาดูได้ แล้วให้เขา Add friend เอาชื่อเราเข้าไป เราเองก็ยอมให้เขา Add คล้ายๆกับตอนเล่น MSN ครับ จากนั้นเพื่อนของเราก็จะสามารถติดตามตำแหน่งของเราได้





ซึ่งเราเลือกดูได้ว่าจะดูเทียบกับแผนที่ หรือจะดูเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ หรือผสมกันทั้งสองแบบ









สำหรับเราเองก็ดูแผนที่บน GPS Pocket PC Phone ได้ครับ







และดูพิกัดของเพื่อนเราได้ด้วยเช่นกัน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ GPS Pocket PC Phone เพียงแค่มี Pocket PC Phone ที่ใช้บริการ Internet ได้อยู่แล้วก็พอ


แต่เป็นแผนที่แบบ North up อย่างเดียว และแสดงผลแค่ตำแหน่งที่เราหรือเพื่อนของเราอยู่





จะเอาแผนที่ พร้อมตำแหน่งของเราขึ้นเว็บก็ได้ครับ กรณีนี้คือเรายินดีจะเปิดเผยตำแหน่งของเราเป็นสาธารณะ อย่างในภาพนี้เป็นตำแหน่งจริงในเวลาที่ผู้อ่านกำลังอ่านบทความนี้


Google Maps


พอลองใช้ Trackr แล้ว ก็เลยได้สังเกตว่า Trackr ใช้แผนที่ของ Google Maps และตอนนี้ รายละเอียดของประเทศไทย มีค่อนข้างครบทีเดียวครับ ในซอยบ้านผมซึ่งปกติฐานข้อมูลแผนที่นำทางมักจะมีข้อมูลไม่ครบ ก็มีครบใน Google Maps ด้วย






แผนที่เป็นแบบ North up อย่างเดียวเช่นกัน แต่พิเศษกว่าบน Trackr ตรงที่เลือกดูได้ทั้งแบบแผนที่ หรือแบบภาพถ่ายทางอากาศ





เลื่อนไปดูจุดอื่นๆได้ ค้นหาจุดสนใจต่างๆได้ โดยมีรายละเอียดสำหรับติดต่อ








และวางแผนเส้นทางได้ด้วย


ไว้จะเขียนเป็นอีกบทความหนึ่งครับ


Trackr เป็นบริการที่น่าสนใจมากอีกบริการหนึ่ง และในอนาคตอีกไม่ไกลนี้ เราคงได้พบกับบริการต่างๆที่เป็น Location-Based Service อีกหลายแบบ


และ Google Maps ก็เป็นสิ่งบ่งชี้อันหนึ่งถึงการมาของ Central Map ซึ่งไม่จำเป็นต้องเก็บแผนที่ไว้ในตัวเครื่องของผู้ใช้ แผนที่จะ Update โดยผู้ให้บริการ ทำให้ได้แผนที่ที่ใหม่อยู่เสมอ และมีความเป็นไปได้ทางเทคนิคที่จะปรับข้อมูลได้ตามสถานการณ์จริง เช่นสภาพจราจร งานก่อสร้าง ฯลฯ


ขอเพียงมีบริการสื่อสารที่เร็วพอ


คอยดูกันต่อไปครับ ต่อไป Google Maps อาจจะครองตลาด Navigation Database ก็ได้


ตอนนี้ Trackr ยังเป็น Beta จึงยังอาจจะไม่สมบูรณ์เต็มที่ครับ


Trackr เหมาะกับเครื่องที่ใช้บริการ GPRS แบบ Unlimited นะครับ เพราะต้องต่อไว้นานๆ ซึ่งสำหรับเพื่อนๆที่ใช้ Windows Mobile 6 และเล่น MSN Live ก็ควรจะเปิดบริการ Unlimited ด้วยไม่งั้นโดนค่าบริการอานแน่ๆเลยครับ


สำหรับระบบที่ใช้ทดสอบ เป็นการใช้กับเลขหมายที่ใช้บริการ Unlimited GPRS และบริการ Multi SIM ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างได เพราะ SIM ที่ใช้ สามารถใช้งาน GPRS ไปพร้อมๆกับ SIM หลักและคิดค่าใช้จ่ายเบอร์เดียวกัน ซึ่งเป็น Unlimited ไปแล้ว


บริการ Multi SIM ของ AIS สามารถใช้กับ SIM ได้ถึง 5 ใบครับ